MGR online - กรมสอบสวนคดีพิเศษ เผย ศาลคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาจำคุก 5 ปี นายศักรินทร์ สุทธิชลวัฒน์ อดีตช่างรังวัด สำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ออกเอกสารสิทธิในที่ดินเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ
วันนี้ (10 ก.ค.) เวลา 20.00 น. คณะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เผยแพร่เอกสาร ระบุว่า “เมื่อเวลา 10.00 น. ศาลคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้มีคำพิพากษา ในคดี อท.ที่ 49/2559 พิพากษาจำคุก นายศักรินทร์ สุทธิชลวัฒน์ อดีตช่างรังวัด สำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต จำนวน 5 ปี ฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ เนื่องจากร่วมกันออกเอกสารสิทธิในที่ดิน โดยรู้ว่าที่ดินตำแหน่งที่ออกโฉนดที่ดินไม่ตรงกับตำแหน่งจริงตาม สค.1 และได้แบ่งหน้าที่ วางแผนกันจัดทำเอกสารราชการให้สอดรับกับเอกสารของ นายอานุภาพ เวชวนิชสนอง ผู้ขอออกโฉนด
สืบเนื่องจากที่ดินตาม ส.ค.1 เลขที่ 161 หมู่ที่ 4 ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต (ที่ดินแปลงจริง) เดิมเป็นของ นายลำส้า สร้อยสน ปัจจุบันอยู่ในความครอบครองของ นางสาวสุรีย์ บูรณกิจ และ นางเบญจพร ตันติทวีวัฒนา ส่วนที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 20777 เลขที่ดิน 3 ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต (แปลงเกิดเหตุ ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์ป่าลายัน อุทยานแห่งชาติสิรินาถ) ซึ่ง นายอานุภาพ เวชวนิชสนอง ผู้ต้องหาที่ 1 ได้เข้าครองครองและแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ในแบบบันทึกการสอบสวนสิทธิและพิสูจน์การทำประโยชน์เพื่อขอออกโฉนดที่ดิน โดยการนำสำเนา ส.ค.1 เลขที่ 161 เป็นหลักฐานที่ดินเดิม แสดงให้เห็นว่าที่ดินบริเวณพื้นที่ซึ่งนายอานุภาพ และพวก ยึดถือครอบครองนั้น ได้ครอบครองและทำประโยชน์ต่อเนื่องมาจากนายลำส้า เป็นลำดับ
มีการปลูกสร้างอาคาร ที่พักอาศัยและปลูกพืชผลไว้ในที่ดิน เพื่อให้เข้าหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการออกโฉนดที่ดิน และนำชี้ยืนยันแนวเขตที่ดินตามที่ยึดถือครอบครอง จนกระทั่งมีการออกโฉนดที่ดิน (7 ไร่เศษ) เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2544 บริเวณพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ป่าและที่ดินสาธารณประโยชน์
กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา 6 ราย เป็นราษฎร 3 ราย ประกอบด้วย นายอานุภาพ ผู้ต้องหาที่ 1, นายไพศาล ผู้ต้องหาที่ 2, นายศรีเทพ ผู้ต้องหาที่ 3 และ เจ้าหน้าที่รัฐ 3 ราย ประกอบด้วย นายศักรินทร์ ผู้ต้องหาที่ 4, นายยุหาด ผู้ต้องหาที่ 5, นายธวัชชัย ผู้ต้องหาที่ 6 ทั้งนี้ การออกโฉนดที่ดิน เลขที่ 20777 เลขที่ดิน 3 ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ได้ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ดังนี้
1. ไม่มีการครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินก่อน พ.ศ.2497 เมื่อปี พ.ศ.2493 และ พ.ศ.2510 สภาพที่ดินส่วนใหญ่เป็นทะเลและเป็นสันทรายเพียงเล็กน้อย ไม่มีร่องรอยการทำประโยชน์ทั้งแปลง ที่ดินแปลงเกิดเหตุจึงไม่ใช่ที่ดินตาม ส.ค.1 เพราะหากเป็นที่ดินตาม ส.ค.1 จะต้องมีพื้นดินที่มีการครอบครองและทำประโยชน์ก่อนวันที่ 1 ธันวาคม 2497
2. โฉนดที่ดินอยู่คนละตำแหน่งกับ ส.ค.1 ขอบเขตที่ดินแปลงเกิดเหตุไม่ตรงกับที่ดินแปลงจริงตาม ส.ค.1
3. ผู้มีชื่อในโฉนดที่ดินแจ้งข้อความเท็จแก่เจ้าพนักงาน ผู้ต้องหาที่ 1 ได้นำชี้ยืนยันแนวเขตที่ดินตามที่ยึดถือ ครอบครอง ซึ่งรู้หรือควรจะรู้ว่าแนวเขตที่ดินและที่ดินข้างเคียงโฉนดที่ดินแปลงเกิดเหตุ แตกต่างจากหลักฐานใบแจ้งการครอบครองที่ดินเดิมของนายลำส้า และได้ให้ถ้อยคำเกี่ยวกับตำแหน่งที่ดินแปลงข้างเคียงและนำชี้ยืนยันแนวเขตโดยไม่ตรงตามที่ระบุไว้ใน ส.ค.1
4. เจ้าหน้าที่ของรัฐได้ร่วมกันออกโฉนดโดยมิชอบด้วยกฎหมาย รู้หรือควรจะรู้ว่าที่ดินแปลงเกิดเหตุเป็นที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติ เป็นที่ดินที่ไม่สามารถนำมาออกโฉนดที่ดิน มิได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมกันออกไปตรวจพิสูจน์ที่ดิน และลงนามในโฉนดที่ดิน ในฐานะปฏิบัติราชการแทนเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต โดยไม่มีอำนาจลงนาม
ผลในคดีเดิม (1) ผู้ต้องหาที่ 5 นายยุหาด หัวหน้าช่างรังวัด ให้การสารภาพ ศาลลงโทษจำคุก จำนวน 4 ปี ลดครึ่งหนึ่งเหลือ 2 ปี (คดีแดงที่ อท.101/2559) และ (2) ผู้ต้องหาที่ 6 นายธวัชชัย เสียชีวิต”