“รองต่อ”ส่ออาการหนัก ตรวจเส้นทางการเงิน แฉเจอตอเพราะพฤติการณ์ท้าทาย“สะสม” ปิดฉากเส้นทาง....กินบุญเก่า นรต.33 จนไม่เหลือ
ค่ำคืนที่ผ่านมาไม่ทราบว่า พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ นายตำรวจคนดังจะนอนหลับหรือไม่ แต่เชื่อว่าคงได้นอนคิดทบทวน และเตรียมตัวต่อสู้คดีอีกไม่มากไม่น้อยแต่มีด้วยกันถึง 8 หมายจับ นั่นหมายความว่าเมื่อประกันตัวจากคดีที่ 1 แล้วก็ต้องประกันตัวในคดีที่ 2-3-4-5 เรียกว่าที่สุดของที่สุดล่ะ
ดูตามฟอร์มแล้วเมื่อครบอำนาจควบคุมตัว 24 ชั่วโมง ช่วงนำรองต่อ ไปฝากขังศาลพนักงานสอบสวนต้องคัดค้านการประกันตัวอย่างแน่นอนด้วยเหตุผลอาจจะยุงเหยิงต่อพยานหลักฐาน และข่มขู่พยาน อนาคตจะชัดเจนอย่างไรเย็นวันนี้ ( 13 พ.ค.2561)ต้องรู้หมู่รู้จ่ากัน
ปรากฏการณ์เด็ดปีกมาเฟีย กทม.ซึ่งหลายคนในวงการสีเทามักแอบนินทารองต่อ ว่า เขาไม่ใช่มาเฟียแต่ “มาเยอะ” ไปไหนมาไหนลูกน้องเดินตามตูดเป็นพรวน ถ้าเลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำกันทีก็ต้องมีโต๊ะใหญ่ บางคนบอกว่ามาเฟียไม่ค่อยน่ากลัวแต่ “มาเยอะ”น่ากลัวกว่าเพราะต้องดูแลมากกว่า..แอบนินทากันไปแต่ในเส้นทางนักเลง กรุงเทพฯ ของ พ.ต.ท.สันธนะ ส่วนใหญ่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธมิตรภาพที่เขาหยิบยื่นให้เว้นสายแข็งที่เกิดการต่อต้าน ไม่ให้ราคาจนกลายเป็นไม้เบื่อไม้เมากันไปก็มี
ด้วยบุคลิกชอบเป็นข่าว ชอบ“อัพเกรด”ตัวเองเสมอหลายครั้งเขาถูกสังคมมองอย่างสงสัย ความเชี่ยวชาญการข่าวในธุรกิจสีเทาโดยเฉพาะบ่อนการพนัน และสิ่งผิดกฎหมายหลายชนิดจึงมีคนแอบหมั่นไส้อยู่เงียบๆ พูดกันตรงๆ ก็คือตำรวจบางคนที่มีนอกมีใน ข้อมูลเหล่านี้รองต่อ จึงมีอยู่เพียบ “เป็นไม้ตายหรือการ์ดที่พร้อมหงาย”
แต่ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปแทนที่ฝ่ายตรงข้ามจะหงายกลายเป็น “สันธนะ”ต้องเป็นฝ่ายหงายท้อง พลาดท่าตกเป็นผู้ต้องหาคดีร้ายแรงมีสิทธิ์ติดคุกติดตะรางกันง่ายๆ เพราะดูจากสถานการณ์แล้วงานนี้ตำรวจเอาจริง กะเอาถึงปิดฉาก รูดม่าน จบชีวิตไอ้เสือร้ายจากวงการผู้กว้างขวางกรุงเทพมหานครไปอย่างไม่คาดไม่ฝัน
ทำไมรองต่อ จึงโดนจัดหนัก!!??
คำถามนี้หลายคนสงสัย ด้วยเหตุผลที่ว่าหลายครั้งหลายหนเขาปรากฏตัวเป็นข่าวท้ายทายวงการสีกากี และวงการเจ้าพ่อนักเลงมาโดยตลอด คำตอบง่ายๆก็คือ ครั้งนี้เล่นผิดคิว“เยอะ”เกินไป
การชี้หน้า พล.ต.ต.นราเดช กลมทุกสิ่ง ผบก.กำลังพล ซึ่งเป็น ผบ.เหตุการณ์กรณีบุกทลายตลาดใหม่ดอนเมืองกลายเป็นภาพท้าทาย ดูหมิ่นศักดิ์ศรีข้าราชการตำรวจอย่างไม่น่าให้อภัย แถมลวดลายไล่เจ้าหน้าที่ราวกับหมูกับแมวอย่าว่าแต่ตำรวจเลยที่รับไม่ได้ สุจริตชนคนทั่วไปที่มีใจเป็นธรรมก็ตะหงิดๆ ในความรู้สึก
แม้แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ยังรับไม่ได้ จากวันนั้นน้ำหนักการบังคับใช้กฎหมายเริ่มเพิ่มความเข้มข้นขึ้น
พ.ต.ท.สันธนะ ทำหน้าที่สายล่อฟ้าสวนทางกับตำแหน่งที่ปรึกษาตลาดฯอย่างหนำใจ ร้านรวงถูกค้นถูกตรวจยึดสินค้าเถื่อนอันมีทั้งเครื่องสำอาง อาหารเสริมมูลค่านับ 100 ล้าน มีการดำเนินคดีอย่างไม่เว้นหน้าอินทร์หน้าพรหม รวมทั้งการตรวจสอบอาคาร การใช้ที่ดินซึ่งเช่าจากกรมธนารักษ์และเชื่อว่าไม่ช้าไม่นานอาจมีการยกเลิกสัญญา ปิดตำนานแหล่งขายอาหารเสริม เครื่องสำอางเถื่อนที่ทำมาหากินกันมานานเกือบ 30 ปี อย่างถาวร
ไม่เพียงแม่ค้าพ่อค้าที่ต้องเตรียมเปลี่ยนอาชีพใหม่ แม้แต่นายสุชาติ โชควัฒยา หรือ“เฮียเส็ง”ก็คงไม่รู้ควรปูนบำเหน็จความดีความชอบให้กับที่ปรึกษา“สันธนะ”อย่างไรจึงจะสาสม
นั่นคือผลกระทบที่เกิดขึ้นในฝากของตลาดใหม่ดอนเมือง แต่การอยู่ยงคงกระพันมานานหลายสิบปีนั้นเชื่อว่าเม็ดเงินที่กอบโกยไปจากการค้าสินค้าไม่มีคุณภาพคงท่วมเงินลงทุนไปไม่รู้กี่รอบแล้ว คำถามค้างคาใจอีกประการหนึ่งซึ่งไม่ควรมองข้ามก็คือเมื่อจัดการกับตลาดใหม่ดอนเมืองแล้วแหล่งอื่นๆ ทั้งในย่านประตูน้ำ สำเพ็ง หรือหลังสำนักงานการบินไทย ถนนวิภาวดีฯ เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องจะว่าไง
อันนี้ต้องฝากไว้เป็นการบ้าน และยังไม่รวมโรงงานอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่สมุทรปราการ ปทุมธานี นนทบุรี และสมุทรสาคร ท่านจะปราบกันอย่างขุดรากถอนโคนเลยหรือไม่
กลับมายังเบื้องหน้าเบื้องหลังการเด็ดปีกมาเฟียกรุงเทพฯ กันอีกรอบ ถ้ายังจำกันได้ ขอย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 21 เม.ย.2561 เวลา 18.20 น.เหตุเกิด ณ ราชกรีฑาสโมสร หรือสนามม้าปทุมวัน (สนามฝรั่ง) ระหว่างการปล่อยม้าเที่ยวที่ 10 พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ เกิดกระทบกระทั่งกับคณะของ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบช.ท่องเที่ยว ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปราบปรามโต๊ดเถื่อนสนามม้า โดยนายตำรวจคนดังเดินเฉี่ยวตัดหน้า “บิ๊กโจ๊ก”แบบไม่ให้เกียรติและเกิดปากเสียงกับ พ.ต.อ.นายหนึ่งซึ่งอยู่ในชุดปราบโต๊ดเถื่อนของ“บิ๊กโจ๊ก”ถกเถียงกันพอหอมปากหอมคอ จนกลายเป็นข่าวซุบซิบแต่หลายสำนักข่าวไม่หยิบมาเล่นเพราะเห็นว่าเป็นข่าวไร้สาระ แต่ขณะเดียวกันมีบางสำนักนำไปขยาย“เสี้ยม”อย่างเป็นเรื่องเป็นราว กระทั่งวันต่อมา พ.ต.ท.สันธนะ ได้เดินทางไปร้องเรียน พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น.ให้เอาผิดทางวินัยกับ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ฐานเลือกปฏิบัติไม่ยอมจับ “เป้ง สามย่าน”โต๊ดเถื่อนรายหนึ่งซึ่งรองต่อ ขยายความว่ามีความสนิทสนมกับบิ๊กสีกากี
อาการร้อนรนเมื่อถูก พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผบ.ตร.เอ่ยถึงอดีตนายตำรวจคนหนึ่งที่เข้ามาเรียกค่าคุ้มครองในตลาดใหม่ดอนเมือง จนโผล่ออกมาแสดงตัวของ พ.ต.ท.สันธนะ จึงถือว่า “เข้าทาง”
ยิ่งมีการขุดคุ้ยค่าส่วนกลางที่เขาอ้างว่าเพื่อเป็นค่าดูแลความเรียบร้อย เป็นค่าจัดการขยะ ขัดห้องน้ำเก็บจากผู้ค้ารายละ 500 บ้าง 1 พันบ้าง หรือพันห้าบ้าง โดยมีใบเสร็จยืนยันจึงกลายเป็นหลักฐานสำคัญ และเป็นคำตอบว่าเหตุใดจึงเปลี่ยนแม่ทัพจาก พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา มาเป็น พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม นั่นเพราะนายตำรวจคนหลังมีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย เป็นนายตำรวจที่พูดน้อยต่อยหนัก ที่สำคัญมีความแม่นยำกับการตรวจสอบเส้นทางการเงิน
คดีความของ พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ จึงไม่ใช่เรื่องล้อเล่นหรือปาหี่ต้มคนดูตามที่ใครอาจจะเข้าใจ แต่นี่คือเรื่องจริง ของจริง เป็นการใช้อำนาจรัฐอย่างเข้มแข็งเพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่าง
วันนี้แม้จะมีความพยายามปลุกกระแสกลั่นแกล้งอยู่บ้าง แต่ปลุกไม่ขึ้น กลับมีเสียงเชียร์ฝั่งตำรวจให้เดินหน้ากวาดล้างขบวนการผู้เกี่ยวข้องกันอย่างจริงจัง
จุดพีคของเย็นวันนี้ก็คือเรื่องการประกันตัว ถ้าไม่ได้ทรงผมสุดหล่อต้องเปลี่ยนแน่ๆ และเจ้าตัวคงยอมรับแล้วว่าการเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นพี่ มีผลต่อน้องๆ ในบางเรื่อง ที่ผ่านมา “พี่ต่อ”สะสมบารมีหรือสร้างแต่ปัญหาผู้คนในวงการล้วนมีคำตอบ...ความผิดพลาดเที่ยวนี้คาดว่ามีโจทย์เก่าแอบปิดบัญชีแค้นกันเพียบ !!??