MGR Online - “สันธนะ” แฉซ้ำมีคำสั่งพิเศษทางโทรศัพท์เพื่อให้ควบคุมตัวตนเองอย่างแน่นหนาโดยให้ใส่กุญแจมือ เตรียมทำหนังสือถึง ผบ.ตร.ให้รับทราบว่ามีนายพล 3 นายที่มีปัญหากับตน ส่วนผู้ค้า 8 รายที่ร้องทุกข์ เชื่อถูกชักจูงโน้มน้าวใจ เตรียมดำเนินดีต่อไป
วันนี้ (13 พ.ค.) พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรอง ผกก.สันติบาล และที่ปรึกษาของบริษัท พัฒนาตลาดใหม่ดอนเมือง จำกัด ผู้ต้องหากับพวกรวม 11 คนได้ร่วมกันเรียกเก็บเงินเป็นรายเดือน จากผู้ค้าเครื่องสำอางอาหารเสริมบำรุงสุขภาพในตลาดใหม่ดอนเมือง มีพฤติการณ์ข่มขู่ตามคำร้อง กล่าวภายหลังศาลอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ว่ารู้สึกดีใจที่ศาลให้ความเป็นธรรม ที่ผ่านมาตนเองมีความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะศาลยุติธรรมและพร้อมต่อสู้ตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยในวันนี้ศาลได้อนุญาตปล่อยชั่วคราว โดยมีหลักประกันเป็นเงินสด 3 แสนบาท มีเงื่อนไขห้ามยุ่งเกี่ยวกับพยานฐาน หรือข่มขู่ผู้เกี่ยวข้องในคดี ตนยืนยันว่าจะไม่ทำเช่นนั้นอยู่แล้ว ส่วนจะดำเนินการต่อไปอย่างไรนั้นตอนนี้ขอพักให้น้ำก่อน
พ.ต.ท.สันธนะกล่าวต่อไปว่า สำหรับขั้นตอนการขออำนาจศาลฝากขัง ตนเองได้สังเกตเห็นถึงความผิดปกติตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา มีการถ่วงเวลา อ้างว่าต้องรอคำร้องฝากขังบ้าง มีการเรียกคำร้องฝากขังกับ สน.ดอนเมือง เพื่อกลับไปแก้ไข และพยายามจะนำตนเองกลับไป สน.ดอนเมืองอีกครั้งซึ่งตนเองไม่ยินยอม พร้อมแจ้งว่าหากตำรวจทำเช่นนั้นจะเป็นการละเมิดอำนาจศาล
นอกจากนี้มียังมีคำสั่งพิเศษทางโทรศัพท์ว่าให้ควบคุมตัวตนเองอย่างแน่นหนาโดยให้ใส่กุญแจมือ เมื่อคำร้องฝากขังกลับมาในช่วง 12.00 น. พบว่าพนักงานสอบสวนยังได้แนบท้ายคำร้องขอคัดค้านการประกันตัวนับ 10 ข้อ เพื่อไม่ให้ศาลพิจารณาไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว แต่ศาลได้ให้ความเป็นธรรมอนุญาตปล่อยชั่วคราว ส่วนผู้ค้า 8 รายที่ร้องทุกข์ต่อตำรวจว่าถูกข่มขู่รีดไถนั้น เท่าที่ตรวจสอบรายชื่อตนไม่เคยรู้จักมาก่อน เชื่อว่ามีการชักจูงโน้มน้าวใจให้เข้ามาร้องทุกข์ กล่าวโทษตนเองจึงเตรียมแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้ค้าเหล่านี้ เพราะตนเองไม่เคยเข้าไปข่มขู่รีดไถผู้ค้าในตลาด เชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง จึงเตรียมรวบรวมข้อมูลเอาผิดกับตำรวจชุดจับกุมด้วย
“ผมก็แปลกใจมากๆ เพราะว่าอะไร มีผู้ค้าถึง 8 ราย ในพฤติการณ์ที่บอกของผู้ค้าระบุว่าหากไม่จ่ายตามที่กำหนดจะไม่สามารถเปิดร้านค้าได้ แต่ร้านค้าในตลาดมีทั้งหมดกว่า 500 ร้านค้า มีพวกคุณ 8 ร้านค้าที่เปิดไม่ได้ แล้วอีกกว่า 400 ร้านค้าทำไมเขาเปิดได้ ก็คงเป็นเรื่องที่มีการชักจูง โน้มน้าวให้บุคคลเหล่านี้เข้ามามีส่วนร่วมในคดี โดยเป็นผู้กล่าวหาผม ตอนนี้ผมได้ชื่อมาแล้ว และผมจะส่งให้ทำการตรวจสอบว่าเขาเป็นผู้ค้าจริงหรือไม่ แล้วจะดูว่าอยู่ตรงล็อคไหนอย่างไร พยายามอ่านชื่อ แต่อ่านทั้งชื่อและนามสกุลแล้วก็ไม่รู้จักมาก่อน ผมก็ไม่ทราบว่าเขามาจากไหนอย่างไร และผมไปเดินผ่านหน้าร้านเขาตอนไหน หรือผมเคยไปเก็บเงินเขาตรงไหน ที่เขามาชี้ผม ผมบอกตรงๆ ไม่เกี่ยวข้องจริงๆ” พ.ต.ท.สันธนะกล่าว
ส่วนกรณีข้อพิพาทกับ 3 นายพลตำรวจ พ.ต.ท.สันธนะกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยให้สัมภาษณ์ว่ามี 3 นายพลตำรวจ ขยับไป 4-5 นายพลแล้ว ตอนนี้มันลามไปนายพลที่มีอำนาจหน้าที่ มีตำแหน่ง ที่ต้องรับผิดชอบ ก็พุ่งเป้ามาที่ตนเอง หากดูการปฏิบัติก็น่าจะทราบ อย่างกรณีการเข้าตรวจค้นบ้านพักของตน ไม่รู้หน่วยไหน กำลังมาจากไหนนับร้อยนาย พร้อมที่จะปฏืบัติด้วยความรุนแรง ตนเองเตรียมทำหนังสือถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ให้รับทราบว่าใครคือนายพล 3 นายที่มีปัญหากับตน ส่วนปฏิบัติการของตำรวจก่อนหน้านี้ตนถือว่ามีการเตรียมการมาเพื่อปฏิบัติกับตนด้วยความรุนแรง และเป็นการเลือกปฏิบัติ
“เมื่อช่วงเช้าที่เขาได้กระทำกับผม บังคับว่าต้องใส่กุญแจมือห้ามเอาผ้าผูกมือผม ผมจึงบอกเจ้าหน้าที่ที่ควบคุมตัวผมว่าไม่เป็นไร ผมเชื่อมั่น และอยากให้ทุกคนสบายใจ ผมก็ยกมือให้ถ่าย ผมไม่ได้อับอาย แต่ความอับอายน่าจะเป็นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่กระทำกับผม ไม่เคยมีการปฏิบัติแบบนี้อย่างที่พวกท่านก็ทราบดี จะมาตำหนิว่าผมกร่าง พูดมาก อย่างนี้อย่างนั้น ผมเป็นคนแบบนี้ผมก็ยอมรับว่าผมเป็นคนไม่ยอมใคร คำว่าไม่ยอมหมายถึงว่า ผมไม่ได้กระทำผิดนะถูกไหมที่มากล่าวหาผม ผมสู้ตาย ผมพูดแค่นี้ ผมเป็นคนแบบนี้ ผมสู้มาทั้งชีวิต มันมีเบื้องหน้าเบื้องหลังแน่ มีวาระซ่อนเร้นอะไร กระทั่งประสงค์ต่อชีวิตผมเลย”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน พ.ต.ท.สันธนะได้ตรงเข้าไปที่รถยนต์ส่วนตัว ก่อนกราบที่ตักและสวมกอด พล.ต.ต.สมชาย ประยูรรัตน์ วัย 91 ปี บิดา ที่เดินทางมาให้กำลังใจบุตรชาย
