xs
xsm
sm
md
lg

จู่โจมค้นบ้านซี 8 กระทรวงศึกษาธิการ โกงเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต 18.8 ล้าน ยึดเอกสารสาวไส้เหลือบไร (มีคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - เลขาฯ ป.ป.ท.ถือหมายค้นบ้าน “รจนา สินที” นักวิเคราะห์นโยบายฯ สังกัดสำนักส่งเสริมกิจการการศึกษา ระดับ 8 กระทรวงศึกษาธิการ ตามยึดเอกสารตรวจสอบ หลังตรวจพบโกงเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิตฯ 18.8 ล้าน สั่งสาวรายชื่อพัวพันโอนเงิน

วันนี้ (23 มี.ค.) เมื่อเวลา 06.30 น. พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการ ป.ป.ท. พร้อม พ.ต.อ.ธนวุฒิ โพธิ์ชุ่ม ประธานอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง ป.ป.ท. พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผอ.กองปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 2 ป.ป.ท. ผสานกำลังเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ท., สำนักงาน ปปง., ตำรวจ บก.ปอท. และตำรวจ สน.ดอนเมือง นำหมายค้นศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เลขที่ 2/2561 และ 3/2561 ลงวันที่ 22 มี.ค. 2561 ขอค้นบ้านเลขที่ 310/926 และ 310/927 หมู่บ้านปิ่นเจริญ 3 ถนนสรงประภา 14 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม. ของนางรจนา สินที นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ สังกัดสำนักส่งเสริมกิจการการศึกษา ระดับ 8 กระทรวงศึกษาธิการ ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีว่าเป็นเจ้าหน้าที่เบียดบังงบกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต ทุนการศึกษาของนักเรียนในโครงการของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ช่วงปี 60 นำเงินไปเข้าบัญชีบุคคลอื่นเป็นเงิน 18.8 ล้านบาท เพื่อทำการอายัดทรัพย์สินทั้งหมดไว้ตรวจสอบ

เมื่อถึงพื้นที่เป้าหมาย เจ้าหน้าที่ได้แสดงหมายค้นของศาลเพื่อขอเข้าตรวจค้นหลักฐานนำมาประกอบการไต่สวนมูลฟ้อง และหลักฐานอื่นอันเป็นเหตุสงสัยว่าใช้เพื่อกระทำความผิด โดยสภาพบ้านเป็นทาวน์เฮาส์ปลูก 2 หลังติดกัน มีการนำผ้าม่านและแผ่นสังกะสีปิดซ้อนกับประตูรั้วอย่างมิดชิด โดย พ.ต.ท.สิริพงษ์ได้แสดงหมายค้นและชี้แจงวัตถุประสงค์ต่อนางรจนานานกว่า 20 นาที ซึ่งทางนางรจนาได้โทรศัพท์หารือกับทนายความก่อนอนุญาตให้เฉพาะเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.เข้าตรวจค้นเก็บหลักฐาน

ด้าน พ.ต.ท.สิริพงษ์เปิดเผยว่า คดีนี้เลขาธิการ ป.ป.ท.มีนโยบายให้ทำงานเชิงรุก ภายหลังบอร์ด ป.ป.ท.มีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวนความผิดก็ได้ขอหมายค้นเข้าตรวจค้นเพื่อเก็บพยานหลักฐานในทันที เนื่องจากกรณีของนางรจนามีเหตุต้องสงสัยว่าเป็นเพียงข้าราชการระดับซี 8 แต่สามารถใช้ช่องว่างทุจริตอย่างต่อเนื่องนานกว่า 10 ปี สร้างความเสียหายให้แก่ระบบราชการกว่า 100 ล้านบาท ขณะที่สภาพบ้านพักค่อนข้างทรุดโทรม จึงเป็นประเด็นต้องสงสัยถึงเส้นทางการเงิน โดยเบื้องต้นพบเส้นทางการเงินที่ได้จากการทุจริตนำไปเข้าในบัญชีของบุคคลต่างๆ ตั้งแต่ปี 51 จนถึงปัจจุบันแล้ว แต่อยู่ระหว่างการขยายผลว่าเงินไหลออกไปจุดใดบ้าง ที่สำคัญในคดีมีข้อสงสัยว่าการอนุมัติทุนทำในรูปคณะกรรมการ มีผู้ร่วมพิจารณาเป็นจำนวนมาก เหตุใดจึงมีการทุจริตเพียงคนเดียว โดยไม่พบร่องรอยของผู้ร่วมพิจารณารับรู้เรื่องด้วย สำหรับผู้ที่มีชื่อรับเงินจากนางรจนาจะต้องเสนอให้บอร์ด ป.ป.ท.มีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวนเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีทั้งหมด

ต่อมาเวลา 08.00 น. พ.ต.ท.สิริพงษ์เผยว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่มีเวลาในการตรวจอายัดหลักฐาน ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น.จะพยายามทำการตรวจอายัดให้เสร็จภายในวันนี้ ก่อนนำหลักฐานทั้งหมดไปตรวจสอบ และหาความเชื่อโยงว่าเกี่ยวข้องกับคดีหรือไม่ เบื้องต้นได้ทำการตรวจอายัดแฟ้มเอกสาร จำนวนมาก และคอมพิวเตอร์อีกจำนวนหนึ่ง ทั้งนี้ จากการตรวจสอบบ้าน 2 หลังที่สามารถทะลุถึงกันได้ มีคนในครอบครัวรวมประมาณ 4 คน รวมนางรจนาด้วย ซึ่งให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่ในการตรวจเป็นอย่างดี หลังจากนี้จะนำหลักฐานทั้งหมดกลับ ป.ป.ท.เพื่อให้คณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงทำการตรวจหาพยานหลักฐานต่อไป นอกจากนี้ยังตรวจอายัดเอกสารที่อยู่ภายในรถมิตซูบิชิ ปาเจโร สีน้ำเงิน ทะเบียน ศส 6116 กรุงเทพมหานคร ของนางรจนาจอดอยู่หน้าบ้านไปตรวจสอบด้วย

ส่วนทาง พ.ท.กรทิพย์เผยว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางอนุมัติหมายค้นตรวจอายัดหาพยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อหาความเกี่ยวโยงกับคดีทุจริตงบกองทุนเสมาฯ และหาพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีต่อนางรจนา ส่วนใหญ่พบเอกสารและแฟ้มจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จำนำกลับไปตรวจสอบอย่างละเอียด หลังจากนี้หากพบความเกี่ยวโยงถึงใคร และข้าราชการระดับสูง คณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง ป.ป.ท.จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป นอกจากนี้ พบว่า ปปง.ตรวจสอบพบเส้นทางการเงินบุคคลที่ไม่ใช้เครือญาติของนางรจนา ไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะอยู่ในสำนวน แต่ยังต้องขอเวลาตรวจสอบต่อไปอีก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ศธ.ได้ตรวจสอบภายในพบเบาะแสทุจริต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาจึงสั่งการให้ตรวจสอบย้อนหลังไปจนถึงปี 2551 ในแต่ละกองทุนเสมาฯ จะได้รับอนุมัติงบประมาณปีละ 10-30 ล้านบาท พบถูกโอนเงินไปพักไว้ในบัญชีแม่ น้องชาย น้องสาว น้องสะใภ้ และลูกศิษย์ของนางรจนา รวมถึงบัญชีของบุคคลอื่นๆ รวม 22 บัญชี จากนั้นจึงโอนกลับเข้าบัญชีของตนเอง ในชั้นสอบสวนนางรจนารับสารภาพว่าเป็นผู้ดำเนินการเพียงคนเดียว โดยมีหน้าที่เป็นผู้ช่วยเลขาจดบันทึกรายงานการประชุม หลังการประชุมนางรจนาจะทำเอกสารต่างๆ แทนที่จะนำเงินเข้าบัญชีของนักเรียนแต่กลับทำเอกสารระบุรายชื่อบัญชีของเครือญาติมาสอดแทรกเข้าไปเพื่อรับเงินแทนก่อนเสนอผู้บังคับบัญชาอนุมัติเงิน

ต่อมา ศธ.แจ้งความพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต เอาผิดต่อนางรจนาดำเนินคดีว่าเป็นเจ้าหน้าที่เบียดบังงบประมาณ ปี 60 นำเงินไปเข้าบัญชีบุคคลอื่นเป็นเงิน 18.8 ล้านบาท ต่อมาพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ส่งสำนวนมาให้ ป.ป.ท.สอบสวนขยายผลถึงผู้ร่วมกระทำความผิด พร้อมติดตามทรัพย์

ล่าสุดที่คณะกรรมการ หรือบอร์ด ป.ป.ท.มีมติให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนนางรจนา ตั้งข้อกล่าวหา 5 ข้อหา (1. ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย มาตรา 147 (2. ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น มาตรา 151 (3. ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร กรอกข้อความลงในเอกสารหรือดูแลรักษาเอกสาร กระทำการปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้น มาตรา 161 (4. ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการในการปฏิบัติการตามหน้าที่ มาตรา 162 และ (5. ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต มาตรา 157







กำลังโหลดความคิดเห็น