MGR Online - อัยการส่งฟ้อง “หลวงปู่พุทธะอิสระ” และแนวร่วม กปปส.ชุดสอง รวม 14 ราย ข้อหาเป็นกบฏ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ย้อนถามอัยการฟ้องคดีนี้แล้วเป็นประโยชน์อะไรแก่สังคม ล่าสุดศาลให้ประกัน โดยตีราคาประกันคนละ 6 แสนบาท ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่ได้รับอนุญาต
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (14 มี.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก อัยการสำนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส. อัญชะลี ไพรีรัก อายุ 52 ปี อดีตพิธีกรเวทีการชุมนุม กปปส. , พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ อายุ 81 ปี, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อายุ 68 ปี อดีตแกนนำ พธม. , นายยศศักดิ์ โกไศยกานนท์ อายุ 46 ปี นักวิชาการนิติศาสตร์ , นายถนอม อ่อนเกตุพล อายุ 49 ปี , นายสมศักดิ์ โกศัยสุข อายุ 72 ปี อดีตแกนนำ พธม. , พระพุทธอิสระ หรือนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ อายุ 58 ปี เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม และอดีตแกนนำ กปปส. เวทีแจ้งวัฒนะ, นายสาธิต เซกัลป์ หรือเซกัลป์ (Satish Sehgal) นักธุรกิจเชื้อสายไทยอิเดีย อายุ 72 ปี, น.ส. รังสิมา รอดรัศมี อายุ 55 ปี อดีต ส.ส.สมุทรสงคราว พรรคประชาธิปัตย์ , พล.อ.ท.วัชระ ฤธาคนี อายุ 70 ปี อดีตนายทหารนักบินกองทัพอากาศ , พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ อายุ 74 ปี อดีตรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด และคณะเสนาธิการร่วมกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ , นายแก้วสรร อติโพธิ อายุ 66 ปี นักวิชาการอิสระ , นายไพบูลย์ นิติตะวัน อายุ 63 ปี ผู้ก่อตั้งพรรคประชาชนปฏิรูป และนายถวิล เปลี่ยนศรี อายุ 64 ปี อดีตเลขาธิการสภาความั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นจำเลยที่ 1-14 จากการร่วมชุมนุมกับ กปปส. ที่มี “นายสุเทพ เทือกสุบรรณ” เป็นเลขาธิการ กปปส.และผู้นำการชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อระหว่างวันที่ 23 พ.ย. 2556 - 1 พ.ค. 2557 และพาผู้ชุมนุมบุกรุกปิดสถานที่ราชการหลายแห่ง รวมทั้งขัดขวางการเลือกตั้ง
ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ , สนับสนุนและร่วมกันสนับสนุนในความผิดกบฏ , ยุยงหรือจัดให้เกิดการร่วมกันหยุดงาน ร่วมกันปิดงานงดจ้าง , กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาหรือวิธีอื่นใดฯ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้ายฯ , อั้งยี่ , ซ่องโจร , มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองฯ โดยมีอาวุธ หรือเป็นหัวหน้า หรือผู้มีหน้าที่สั่งการ , เมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกไปแล้วไม่เลิก , บุกรุก โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปหรือในเวลากลางคืน และร่วมกันกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเพื่อไม่ให้ผู้เลือกตั้งสามารถใช้สิทธิได้ หรือขัดขวางไม่ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไป ฯ และทำให้เสียทรัพย์ รวม 8 ข้อหา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113, 116, 117, 209, 210, 215, 216, 362, 364, 365, พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 มาตรา 76, 152 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 86, 91 โดยท้ายฟ้อง อัยการโจทก์ยังได้ขอให้ศาลมีคำสั่ง เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยทั้ง 14 คน มีกำหนด 5 ปีด้วย และให้นับโทษของ น.ส.อัญชะลี จำเลยที่ 1 ต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำ อ.973/2556 (คดี พธม.บุกสนามบิน ปี 2551) และ อ.275/2556 ( คดีชุมนุมที่อนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนิน) ของศาลอาญา รวมทั้งให้นับโทษของสมเกียรติ จำเลยที่ 3 ต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำ อ.973/2556 ของศาลอาญาด้วย และนับโทษของนายสมศักดิ์ จำเลยที่ 6 ต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำ อ.4925/2555 (คดีบุกเข้าทำเนียบกดดันรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช ปี 2551), อ.4924/2555 (คดีปิดล้อมอาคารรัฐสภา ปี 2551) และ อ.973/2556 ของศาลอาญา กับคดีอาญาหมายเลขดำ อ.1418/2557 ของศาล จ.ชัยภูมิอีกด้วย
โดยในวันนี้ “นายสุเทพ” ประธานมูลนิธิมวลชมหาประชาชน และอดีตเลขาธิการ กปปส. ก็ได้เดินทางมาศาล เพื่อให้กำลังใจ แนวร่วม กปปส. ทั้ง 14 คนที่ถูกฟ้องในวันนี้ โดยมีมวลชน ร่วม 50 คน เดินทางมาให้กำลังใจแนวร่วม กปปส. ที่ศาลอาญาด้วย
ทั้งศาลได้ประทับรับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อ.832/2561 ซึ่งสอบคำให้การเบื้องต้นแล้วจำเลยให้การปฏิเสธ โดยนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 19 เม.ย.นี้ เวลา 09.00 น.
ซึ่งจำเลยทั้ง 14 ราย ต่างรอฟังผลการยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เพื่อขอปล่อยชั่วคราวระหว่างพิจารณาคดี ซึ่งผู้ต้องหากลุ่มแนวร่วม กปปส.ที่ส่งฟ้องศาลในวันนี้ได้เตรียมหลักทรัพย์ไว้ยื่นประกันตัวคนละ 6 แสนบาท
อย่างไรก็ตามในวันนี้ “นายสาธิต ปิตุเดชะ” อดีต ส.ส.ระยองพรรคประชาธิปัตย์ ที่ร่วมเหตุการณ์ชุมนุมฯ ซึ่งอัยการสั่งฟ้อง ในข้อหากระทำการให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาหรือวิธีอื่นใดที่มิใช่การกระทำในความมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือความไม่สงบในราชอาณาจักรฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คน ขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ ตาม ม.215 นั้น ก็ได้เข้าพบอัยการด้วย ซึ่งอัยการเตรียมแยกฟ้องเป็นอีกสำนวนเพียงคนเดียว จึงนัดให้มาพร้อมฟ้องคดีต่อศาลอาญา อีกครั้ง 19 เม.ย.นี้
ทั้งนี้“แหล่งข่าวอัยการ” กล่าวถึงผู้ต้องหาแนวร่วม กปปส. ที่เหลือว่า สำหรับผู้ต้องหาที่เหลืออีก 23 รายนั้น ทั้งหมดได้ส่งทนายความมาขอเลื่อนการรายงานตัว ซึ่งมีทั้งที่นำหลักฐานมาแสดง กับที่ยังไม่มีหลักฐานมาให้อัยการ โดยในส่วนของผู้ต้องหาที่ได้แสดงหลักฐานชัดเจนพอเพียงแล้ว อัยการก็นัดให้มารายงานตัวอีกครั้ง (ครั้งที่ 3) ในวันที่ 19 เม.ย.นี้ ส่วนที่ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอ ซึ่งในกลุ่มนี้มี น.ส.จิตรภัส และนายสุริยะใส กตะศิลา ด้วยนั้น คณะทำงานที่มีนายชาติพงษ์ จีระพันธุ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ กำลังพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรระหว่าง 2 แนวทาง คืออาจจะแจ้งให้ส่งหลักฐานเพิ่มเติม หรืออัยการจะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยคาดว่าภายใน 1-2 วันนี้ อัยการจะสรุปแนวทางสั่งกับผู้ต้องหากลุ่มนี้ได้
ขณะที่ “นายสุเทพ” กล่าวว่า การยื่นฟ้องแนวร่วมกปปส.วันนี้ ตนไม่ทราบว่าอัยการใช้ดุลพินิจอย่างไร เพราะจะเห็นว่าผู้ต้องหาบางคนอย่าง นายแก้วสรร อติโพธิ เป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัย ขึ้นเวทีให้ความรู้ทางวิชาการ ไม่เคยปลุกระดมให้บุกรุกสถานที่ราชการหรือขัดขวางการเลือกตั้ง แต่ก็ต้องถูกลากตัวเข้ามาฟ้องเป็นจำเลยในคดีนี้ ซึ่งคดีเหล่านี้ก็ต้องใช้ระยะเวลา 4-5 ปี กว่าจะเสร็จสิ้น มันก็เป็นการเสียประโยชน์ แทนที่จะได้ไปสอนนักศึกษาก็ต้องมาขึ้นศาล
“ผมขอฝากคำถามไปถึงท่านอัยการสูงสุดและบรรดาอัยการทั้งหลายวันนี้ว่าท่านเคยใช้สิทธิสั่งไม่ฟ้องบุคคลบางกลุ่ม โดยอ้างว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อสังคม วันนี้ช่วยตอบผมหน่อยว่าฟ้อง อ.แก้วสรร ฟ้องคุณอัญชะลี ไพรีรักษ์ ฟ้องคุณรังสิมา รอดรัศมี ฟ้องหลวงปู่พุทธะอิสระ เป็นประโยชน์อะไรกับสังคม” นายสุเทพ ระบุ
ประธานมูลนิธิมวลชมหาประชาชน กล่าวอีกว่า นี่เป็นสาเหตุที่มวลมหาประชาชนเรียกร้องให้มีการปฏิรูปประเทศไทย การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมเป็นประเด็นที่ประชาชนเรียกร้อง เราเห็นกันแล้วว่าตำรวจ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นอย่างไร และวันนี้เราเห็นแล้วว่าอัยการเป็นอย่างไร การปฏิรูปจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยน้ำมือประชาชน มิฉะนั้นไม่มีทางที่จะเห็นประเทศนี้ดีขึ้นได้ ประชาชนต้องรวมพลังกันให้มีการปฏิรูปประเทศ
เมื่อถามถึงแนวทางการต่อสู้คดี “นายสุเทพ” กล่าวว่า เราสู้ตามความเป็นจริง เรามีความบริสุทธิ์ใจ ความจริงใจ เราไม่ใช่พวกนอกกฎหมาย ไม่ได้ทำอะไรผิด เราจะเอาหลักฐานความเป็นจริงไปสู้คดีภายในศาล แต่ที่สำคัญคือกว่าคดีจะสิ้นสุดต้องใช้เวลาหลายปี ตนให้ความร่วมมือกับศาลทุกอย่าง ศาลมีคำสั่งอย่างไรเราทำอย่างนั้น
เมื่อถามว่าหากอัยการยื่นคำร้องขอรวมสำนวนกับ 9 แกนนำจะทำอย่างไร “นายสุเทพ” กล่าวว่า หากเป็นไปได้เราจะยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาแยกสำนวน
อย่างไรก็ตามในประเด็นคำถามเกี่ยวกับการตั้งพรรคการเมืองของ กปปส. วันนี้ “นายสุเทพ” ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม
ขณะที่ “พระพุทธะอิสระ” อดีตแกนนำ กปปส. เวทีแจ้งวัฒนะ กล่าวว่า จะเป็นไปได้หรือไม่ หากการสืบสวนสอบสวนที่ไม่เกี่ยวกับจำเลยคนใด แล้วจำเลยคนนั้นไม่ต้องมาศาล ก็อยากจะขอความกรุณาต่อศาลให้มีการแยกสำนวนกับพฤติการณ์ของจำเลย ไม่ใช่เหมากันมานั่งฟังทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องกัน มิฉะนั้นจะถือว่าไม่เป็นธรรมต่อผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งตนก็จะปรึกษาทนายว่าจะยื่นคำร้อง ก็ต้องดูว่าศาลจะเมตตาอย่างไร
ล่าสุด เมื่อเวลา 16.00 น.เศษ ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว นางอัญชะลี ไพรีรัก , พระพุทธอิสระ และแนวร่วม กปปส. รวม 14 คน ที่ถูกอัยการยื่นฟ้องวันนี้ ฐานร่วมเป็นกบฏและข้อหาอื่น รวม 8 ข้อหา โดยตีราคาประกันคนละ 600,00 บาท พร้อมกำหนดเงื่อนห้ามออกนอกประเทศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีการชุมนุม กปปส.นั้น ปัจจุบัน อัยการได้ยื่นฟ้องแล้วรวม 3 สำนวน 27 ราย คือ คดีที่ฟ้อง แนวร่วมกปปส. 14 รายในวันนี้ และคดีหมายเลขดำ อ.1191/2557 ที่อัยการยื่นฟ้อง นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม อายุ 55 ปี , นายสกลธี ภัททิยกุล อายุ 40 ปี แกนนำ กปปส. , นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อายุ 66 ปี อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และนายเสรี วงศ์มณฑา อายุ 68 ปี แกนนำ กปปส. ซึ่งอยู่ระหว่างศาลอาญาสืบพยาน โดยทั้งหมดได้ประกันคนละ 600,000 บาท
และคดีหมายเลขดำ อ.247/2561 ที่อัยการ ได้ ยื่นฟ้อง “นายสุเทพ” และแกนนำ กปปส. รวม 9 ราย รวม 9 ข้อหาซึ่งมีข้อหาก่อการร้ายด้วย เมื่อ 24 ม.ค.61 ที่ผ่านมา ซึ่งคดีนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 19 มี.ค.นี้ เวลา 09.00 น. ขณะที่นายสุเทพ อดีตเลขาธิการ กปปส. และแกนนำ รวม 9 คน ได้ประกันตัวระหว่างพิจารณา คนละ 600,000 บาท โดยศาลได้กำหนดเงื่อนไขด้วยว่า ห้ามจำเลยทั้งหมดออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล