xs
xsm
sm
md
lg

ศาลเยาวชนฯ สั่งผู้เยาว์ 13 คน คดีอุ้มบุญเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย ของนักธุรกิจญี่ปุ่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ทนายความของนายชิเกตะ มิตซูโตกิ นักธุรกิจญี่ปุ่น
MGR Online - ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง สั่งผู้เยาว์ 13 คน คดีอุ้มบุญทารกที่เกิดจากการผสมเทียม เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนักธุรกิจหนุ่มชาวญี่ปุ่น ชี้เป็นบิดาโดยสายเลือด มีอาชีพมั่นคง สามารถเลี้ยงดูและให้การศึกษาได้ ไม่เข้าข่ายค้ามนุษย์

วันนี้ (20 ก.พ.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ศาลได้อ่านคำสั่งในคดีอุ้มบุญ หมายเลขที่ พ.2031-2037/2559 และ พ.217-218/2560 หมายเลขแดงที่ พ.296-304/2561 คดีทั้ง 9 สำนวน ที่นายชิเกตะ มิตซูโตกิ นักธุรกิจญี่ปุ่น วัย 27 ปี ที่ได้ว่าจ้างให้หญิงไทยและชาติต่างอุ้มท้องทารกที่เกิดจากน้ำเชื้อของเขา ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้เยาว์ทั้ง 13 คน ซึ่งเกิดจากการตั้งครรภ์แทนเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ร้องตามบทเฉพาะกาลในมาตรา 56 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 ศาลมีคำสั่งให้รวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกัน

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของผู้ร้องประกอบรายงานของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกรุงเทพมหานครแล้ว เห็นว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 มาตรา 56 บัญญัติให้ผู้ที่เกิดจากการตั้งครรภ์แทนก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ สามีหรือภริยาที่ดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทน มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ผู้ที่เกิดจากการตั้งครรภ์แทนเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของสามีและภริยาที่ดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทน ไม่ว่าสามีและภริยาดังกล่าวจะเป็นสามีและภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เจตนารมณ์ของกฎหมายดังกล่าวเป็นการคุ้มครองสวัสดิภาพและประโยชน์สูงสุดของผู้ที่เกิดจากการตั้งครรภ์แทนเป็นสำคัญ ได้ความว่าผู้ร้องไม่มีภริยาแต่เป็นผู้ดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทนตั้งแต่ปี 2556 โดยใช้เชื้ออสุจิของผู้ร้องปฏิสนธิกับไข่ของผู้บริจาคแล้วนำไปใส่ในโพรงมดลูกของหญิงไทยผู้รับตั้งครรภ์แทนจำนวน 9 คน จนคลอดบุตรเป็นผู้เยาว์รวม 13 คน เมื่อปี 2557 อันเป็นเวลาก่อนวันที่พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 มีผลใช้บังคับ (วันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2558) ผู้ร้องจึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้เยาว์ ทั้ง 13 คน เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ร้องได้ ประกอบกับรายงานผลการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอปรากฏว่าผู้ร้องเป็นบิดาโดยสายโลหิตของผู้เยาว์ทั้ง 13 คน หลังจากผู้เยาว์ทั้งหมดเกิด ผู้ร้องรับอุปการะเลี้ยงดูด้วยดีตลอดมาจนกระทั่งเจ้าหน้าที่จากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์นำตัวผู้เยาว์ทั้ง 13 คนไปเลี้ยงดูที่สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนปากเกร็ด และสถานสงเคราะห์เด็กบ้านเวียงพิงค์ ซึ่งผู้ร้องก็มอบหมายให้บุคคลอื่นไปเยี่ยมเยียนผู้เยาว์เหล่านั้นเป็นประจำ ผู้ร้องวางแผนเตรียมความพร้อมในการพาบุตรผู้เยาว์ไปอุปการะเลี้ยงดูที่ประเทศญี่ปุ่น โดยเตรียมสถานที่เลี้ยงดูที่มีความปลอดภัยและสะดวก มีพยาบาลวิชาชีพและพี่เลี้ยงเด็กเพียงพอ เมื่อถึงเกณฑ์ที่ผู้เยาว์จะเข้ารับการศึกษา ผู้ร้องวางแผนจะส่งเข้าศึกษาที่โรงเรียนนานาชาติใกล้ที่พักอาศัย โดยผู้ร้องและครอบครัวซื้อที่ดินและกำลังก่อสร้างที่พักอาศัยใกล้สวนสาธารณะขนาดใหญ่กลางกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

นอกจากนี้ ผู้ร้องเปิดบัญชีกองทุนให้แก่ผู้เยาว์ทั้งสิบสามคนที่ประเทศสิงคโปร์ เพื่อสะสมให้ผู้เยาว์ทั้ง 13 คนในระยะยาวอีกด้วย ทั้งได้ความว่า ผู้ร้องได้นำบุตรผู้เยาว์อื่นซึ่งเกิดจากการตั้งครรภ์แทนก่อนหน้านี้ไปเลี้ยงดูที่ประเทศญี่ปุ่นและประเทศกัมพูชา ซึ่งปรากฏว่าบุตรผู้เยาว์ดังกล่าวได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี โดยเฉพาะบุตรผู้เยาว์ที่นำไปเลี้ยงดูที่ประเทศญี่ปุ่นได้รับสัญชาติญี่ปุ่นครบถ้วนทุกคนแล้ว ผู้ร้องเป็นบุตรผู้ก่อตั้งและประธานบริหารบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่มีชื่อเสียงของประเทศญี่ปุ่น เป็นเจ้าของและผู้ถือหุ้นในหลายบริษัท ได้รับเงินปันผลจากบริษัทเดียวปีละกว่าร้อยล้านบาท แสดงว่าผู้ร้องมีอาชีพการงานมั่นคง มีรายได้มากเพียงพอที่จะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ได้ทุกคน อธิบดีกรมกิจการเด็กในฐานะผู้กำกับดูแลหน่วยงาน ที่เลี้ยงดูผู้เยาว์ทั้ง 13 คนมีหนังสือไม่คัดค้านการที่ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาล ทั้งไม่ปรากฏว่าผู้ร้องมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ผู้ร้องเป็นผู้ดำเนินการให้ผู้เยาว์ทั้ง 13 คนถือกำเนิดมาจึงต้องรับผิดชอบในการอุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์ดังกล่าว เมื่อคำนึงถึงความผาสุข สวัสดิภาพและโอกาสของผู้เยาว์ทั้ง 13 คน อันพึงจะได้รับการอุปการะเลี้ยงดูจากบิดาที่แท้จริงที่ย่อมต้องมีความรักใคร่ผูกพันต่อบุตรโดยสายเลือดของตนเองและเป็นผู้มีความใกล้ชิดกับผู้เยาว์มากที่สุด ทั้งไม่ปรากฏว่าผู้ร้องมีความประพฤติบกพร่องเสียหายประการใด จึงเห็นสมควรมีคำสั่งให้ผู้เยาว์ทั้ง 13 คน ที่เกิดจากการตั้งครรภ์แทนเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ร้องนับแต่วันที่ผู้เยาว์นั้นเกิด และเมื่อได้ความว่าหญิงผู้รับตั้งครรภ์แทนมิได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับผู้เยาว์แต่อย่างใดและทุกคนต่างทำบันทึกยอมสละอำนาจปกครองแล้ว จึงเห็นควรให้ผู้ร้องใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์ทั้ง 13 คนแต่เพียงฝ่ายเดียว

จึงมีคำสั่งว่า ผู้เยาว์ทั้ง 13 คน เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ร้องนับแต่วันที่ผู้เยาว์ทั้งหมด เกิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 มาตรา 56 กับให้ผู้ร้องเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์ทั้ง 13 คน แต่เพียงฝ่ายเดียว และให้คืนค่าธรรมเนียมศาล

ด้านนายก้อง สุริยะมณฑล ทนายความของนายชิเกตะ พ่ออุ้มบุญชาวญี่ปุ่น กล่าวภายหลังศาลมีคำสั่งให้พ่ออุ้มบุญเด็ก 13 ราย ได้อำนาจปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียวว่า ขอขอบคุณผู้พิพากษาและกระบวนการยุติธรรมที่ให้ความเป็นธรรมแก่ลูกความตน และคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของสวัสดิภาพและความผาสุกของเด็ก จากคำพิพากษาของศาลท่านได้พิเคราะห์ถึงพยานหลักฐานประกอบกับหลักฐานที่ท่านกำลังหาเองด้วย ฟังได้ว่าลูกความของตนไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ หรือคดีความอาญาใดๆ และมีฐานะที่มั่นคง เหมาะสม และมีความต้องการที่จะเลี้ยงดูบุตรและอุปการะทุกคน สำหรับขั้นตอนต่อไปเราต้องประสานกับทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพื่อขอรับลูกๆ กลับมาอยู่มาอุปการะเลี้ยงดู ขณะนี้ไนประเทศไทยมีเด็กอยู่ 13 คน โดยเราจะทำการประสานกับ พม.ให้เร็วที่สุด ต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมของเด็กทั้ง 13 คนด้วย ที่ผ่านมาเด็กๆ จะคุ้นเคยกับพี่เลี้ยงในสถานสงเคราะห์ที่อยู่ในประเทศไทย ในระยะแรกอาจจะต้องให้พี่เลี้ยงที่เคยดูแลได้ช่วยดูแลเด็กๆ ก่อน เพื่อไม่ให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในทันที ขณะที่ผลคำสั่งของศาลนี้ยังไม่ได้เเจ้งให้นายชิเกตะทราบ อย่างไรก็ดี เด็กๆ ปัจจุบันก็มีอายุไล่เลี่ยกันประมาณ 4ขวบ

ทั้งนี้ ทนายความของนายชิเกตะกล่าวอีกว่า เรื่องนี้ศาลได้พิจารณาในความเหมาะสมของตัวคุณพ่อและเจตนาของคุณพ่อ รวมทั้งประโยชน์สูงสุดต่อสวัสดิภาพของเด็กว่าสามารถดูแลได้ดีหรือไม่ โดยตัวนายชิเกตะเองก็อยากมีลูกอยู่แล้ว ประกอบกับตัวคุณพ่อเองก็เกิดในครอบครัวใหญ่ก็อยากจะให้มีบุตรที่มีอายุไล่เลี่ยกัน และอยากให้ช่วยสานต่อธุรกิจของทางครอบครัวต่อไป ส่วนเรื่องที่เด็กทั้งหมดจะใช้สัญชาติใดหรือจะไปอาศัยในประเทศกัมพูชา หรือประเทศญี่ปุ่นนั้น เป็นเรื่องที่นายชิเกตะจะเป็นผู้ตัดสินใจ


กำลังโหลดความคิดเห็น