xs
xsm
sm
md
lg

ศาลฎีกาพร้อมฟัน องค์กรอิสระ นักการเมืองละเมิดมาตรฐานจริยธรรม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม (ภาพจากแฟ้ม)
MGR Online - เลขาธิการ สนง.ศาลยุติธรรม เผย ศาลฎีกาพร้อมฟัน องค์กรอิสระ คณะรัฐมนตรี ส.ส. และ ส.ว. ละเมิดมาตรฐานจริยธรรม หลัง รธน.ใหม่กำหนดมาตรฐานจริยธรรมกำกับดูแลตัวเอง ระบุกฎหมายใหม่ให้อำนาจ ปธ.ศาลฎีกาตั้งคณะไต่สวนอิสระไต่สวน ป.ป.ช.ละเมิดจริยธรรมได้

วันนี้ (11 ก.พ.) นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับพ.ศ. 2560 กำหนดให้ ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ, ผู้ว่าการตรวจเงินเเผ่นดินร่วมกันกำหนดมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเเละผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมถึงผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินเเละหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระต้องยึดถือปฏิบัติ ว่า มาตรการดังกล่าวนั้น ถูกบังคับไว้ในมาตรา 219 ของรัฐธรรมนูญฯ ซึ่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะต้องดำเนินการในการออกมาตรการนี้ให้สำเร็จภายในระยะเวลา 1 ปี ตามรัฐธรรมนูญกำหนด มิเช่นนั้นตุลาการเเละองค์กรอิสระที่อยู่ในบทบัญญัติก็จะต้องพ้นจากตำแหน่ง แต่ขณะนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกมาตรการดังกล่าวเสร็จแล้ว และประกาศราชกิจจานุเบกษาในวันที่ 30 ม.ค. 2561 ซึ่งบุคคลที่จะต้องอยู่ภายใต้มาตรฐานจริยธรรมดังกล่าว ประกอบด้วย ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ คือ กกต., ป.ป.ช., ผู้ตรวจการแผ่นดิน, กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และ กสม. ซึ่งองค์การอิสระเหล่านี้จะต้องอยู่ภายใต้มาตรฐานจริยธรรมที่กำหนดไว้ นอกจากองค์กรอิสระเหล่านี้แล้ว คณะรัฐมนตรีรวมถึง สมาชิกภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ก็จะตกอยู่ใต้มาตรฐานขอบเขตจริยธรรมตามรัฐธรรมนูญฯมาตรา 219 วรรค 2 ซึ่งการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมดังกล่าวนั้นจะมีบทลงโทษบังคับอยู่ในหมวดร้ายแรงและหมวดไม่ร้ายแรง ซึ่งมาตรฐานจริยธรรม หมวด 1 ที่ว่าด้วยเรื่อง มาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์ ในข้อ 7. ระบุถึงเรื่องต้องถือบทผลประโยชน์ของประเทศเหนือประโยชน์ส่วนตน, ข้อ 8. ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตไม่แสวงหาผลประโยชน์มิชอบเพื่อตนเองหรือผู้อื่น หรือรู้เห็น ยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาผลประโยชน์มิชอบ หรือ ข้อ 9. ต้องไม่ขอเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ที่กระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติหน้าที่ และข้อ 10. เรื่องรับของขวัญ ของกำนัลเว้นแต่เป็นการให้โดยเสน่ห์หา โดยธรรมจรรยาตามที่กฎหมายระเบียบบังคับที่ทำได้ ซึ่งในหมวดหมวด 1 ที่ได้กล่าวมานั้นจะถือเป็นเรื่องผิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง หากมีการละเมิด ส่วนหมวดที่ 2 และหมวดที่ 3 จะเป็นเรื่องค่านิยมหลักและจริยธรรมทั่วไป ก็จะต้องดูว่าพฤติกรรมของผู้ฝ่าฝืนประกอบว่าเป็นอย่างไร มีเจตนา และความร้ายแรงอย่างไร ถ้าเป็นความเสียหายร้ายแรงก็อาจจะเป็นเรื่องผิดจริยธรรมร้ายแรงได้

นายสราวุธ กล่าวต่อว่าตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 235 เรื่องฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมเมื่อมีการร้องเรียนเข้ามา ป.ป.ช. จะเป็นผู้ไต่สวน ส่วนผู้ที่ที่จะพิพากษาว่าใครฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงคือศาลฎีกา ทั้งนี้เมื่อกฎหมายกำหนดให้ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณา ทางสำนักงานศาลยุติธรรมจึงได้เสนอร่างระเบียบที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่าด้วยการพิจารณาพิพากษาคดีเกี่ยวกับกล่าวหาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเเละผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระฯ ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งในร่างระเบียบดังกล่าวมีหัวข้อที่สำคัญหลายเรื่อง เช่น เรื่อง การเสนอเรื่อง, การพิจารณา และขั้นตอนในการออกคำสั่งต้องทำยังไงบ้างซึ่งหลายคนก็อาจสงสัยว่า หากศาลฎีกาไต่สวนแล้วผลจะเป็นเช่นไร ซึ่งตรงนี้รัฐธรรมนูญฯ มาตรา 202 (10) ระบุไว้ว่าหากเป็นบุคคลที่มีการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงก็จะขาดคุณสมบัติและจะต้องพ้นจากตำแหน่งดังกล่าว

นายสราวุธ กล่าวต่อว่า ในการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมบางครั้งอาจเข้าข่ายที่จะผิดตามกฎหมายอาญา ควบคู่ไปด้วยได้ ซึ่งตรงนี้ก็ต้องว่าไปตามกฎหมายมีการดำเนินการแยกกัน เช่น การปกปิดบัญชีทรัพย์สิน หรือร่ำรวยผิดปกติ

“ศาลยุติธรรมขอชื่นชมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าสามารถออกมาตรฐานทางจริยธรรมภายในกรอบที่กำหนด ซึ่งต่อไปก็เป็นหน้าที่ของศาลฎีกาของสำนักงานศาลที่จะเสนอระเบียบต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ซึ่งเรามั่นใจว่าดำเนินการทันโดยเราจะส่งเข้าที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกาให้เร็วที่สุด” นายสราวุธกล่าว

เมื่อถามว่าหากศาลฎีกาชี้ขาดเรื่องละเมิดมาตรฐานจริยธรรม จะอุทธรณ์ได้หรือไม่
นายสราวุธ กล่าวว่า ไม่สามารถอุทธรณ์ได้เนื่องจาก มาตรา 235 กำหนดไว้ว่าให้ศาลฎีกาเป็นผู้พิจารณา ซึ่งการพิจารณาชี้ขาดก็ต้องมีการตั้งองค์คณะขึ้นมา
เมื่อถามว่าหาก ป.ป.ช. เป็นผู้ฝ่าฝืนทางจริยธรรมใครจะเป็นผู้ไต่สวนคดีขึ้นสู่ศาลฎีกา
นายสราวุธ กล่าวว่า ต้องมีการตั้งผู้ไต่สวนอิสระตามรัฐธรรมนูญขึ้นเพื่อไต่สวนเหมือนกรณีอดีต ป.ป.ช.เคยขึ้นเงินเดือนตัวเองก็มีคณะผู้ไต่สวนอิสระขึ้นมาดำเนินการเพื่อความเป็นธรรม

เมื่อถามว่า การตั้งผู้ไต่สวนอิสระนั้นจะต้องเริ่มจากรัฐสภาก่อน ในความเป็นจริงจะทำให้การดำเนินการกับ ป.ป.ช. ที่กระทำผิดเป็นไปได้ยากกว่าองค์กรอื่นใช่หรือไม่
นายสราวุธ กล่าวว่า สำหรับตนมองว่าไม่มีอะไรยาก เนื่องจากปัจจุบันสภาพสังคมมีระบบการตรวจสอบที่สูงมากในอดีตที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้วว่าขึ้นเงินเดือนตัวเองก็ถูกเล่นงานได้

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า หาก ป.ป.ช. มีความเห็นทางคดีค้านสายตาประชาชนเราสามารถที่จะดำเนินการร้องเรียนเพื่อขอตั้งผู้ไต่สวนอิสระเกี่ยวกับความเห็นทางคดีของ ป.ป.ช. ได้หรือไม่
นายสราวุธ กล่าวว่า การร้องเรียนต้องมีหลักฐานปรากฎว่าสิงที่ ป.ป.ช. ดำเนินการนั้นฝ่าฝืนกฎหมาย ไม่สุจริต จึงจะสามารถดำเนินการได้ แต่อนาคตการที่มีมาตรฐานจริยธรรม จะส่งผลให้เราสามารถดูได้ว่ามีการฝ่าฝืนเงื่อนไขในข้อไหนก็อาจจะเข้าเงื่อนไขตรงนั้นได้ และการพิจารณาก็คงรวดเร็วกว่าคดีอาญา ซึ่งหาก ป.ป.ช. ถูกดำเนินการเรื่องมาตรฐานจริยธรรมก็จะมีคณะผู้ไต่สวนอิสระซึ่งประธานศาลฎีกาเป็นผู้เเต่งตั้งทำหน้าที่ไต่สวนหาข้อเท็จจริงเเละทำความเห็นนำเรื่องขึ้นสู่ศาลฎีกา ซึ่งต่างจากในส่วนคดีอาญาที่จะต้องมีการเสนอผ่านรัฐสภาก่อน


กำลังโหลดความคิดเห็น