MGR Online - ตร.ภ.6 พร้อม ตร.ท่องเที่ยว และ 191 จับชาวจีนสวมบัตร ปชช. ปลอมเอี่ยวทำธุรกิจทัวร์ศูนย์เหรียญ อ้างเพิ่งทำผิดมาเพียง 2 เดือน สั่งล่าเพื่อนร่วมแก๊งอีก 2 หลังมีข้อมูลทราบว่าหลบหนีไปมาเลเซียแล้ว
วันนี้ (26 พ.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ ฉันทวรลักษณ์ รอง ผบช.ภ.6 พร้อมด้วย พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท.1 พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบก.ทท. และ พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ. จนท.ตำรวจท่องเที่ยว และตำรวจ 191 ร่วมกันแถลงผลจับกุม นายเหลียน แซ่เก่า อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาล จ.นครสวรรค์ ที่ 313/2560 ที่ลงวันที่ 23 พ.ย. 2560 ในข้อหา “ยื่นคำขอมีบัตรโดยมิได้มีสัญชาติไทย ด้วยการแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จ ปลอมบัตรปกปิดความจริงต่อเจ้าพนักงาน” โดยสามารถจับกุมได้ภายใน ซ.อยู่เจริญ แขวงและเขตดินแดง กทม.
พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาลให้หน่วยงานราชการร่วมบูรณาการกำลังในการปราบปรามกลุ่มบริษัทนำเที่ยวผิดกฎหมาย หรือกลุ่มบริษัทนำเที่ยวที่ประกอบการในลักษณะนอมินี รวมถึงกลุ่มบุคคลต่างด้าวสวมบัตรประชาชนเป็นคนไทย มาประกอบธุรกิจนำเที่ยว ในลักษณะทัวร์ต่ำกว่าทุนหรือทัวร์ศูนย์เหรียญ ซึ่งจะทำให้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยเสียหาย และส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศประกอบ กับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้สั่งการให้กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด และให้มีผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม จึงร่วมกับกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ตำรวจภูธรภาค 6 และกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ หรือ 191 เข้าสืบสวนสอบสวนกรณีนายเหลียน ซึ่งมีพฤติการณ์สวมบัตรประชาชนเป็นคนไทยมาประกอบธุรกิจนำเที่ยว โดยเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท วั้นกั๋ว กั๋วจี้ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด รับนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย
พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ กล่าวต่อว่า จากการสืบสวนสอบสวนพบข้อมูลว่า นายเหลียน ได้ยื่นคำร้องขอมีบัตรประจำตัวประชาชนครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2544 ที่อำเภอเมือง จ.นครสวรรค์ โดยใช้ชื่อ “นายวิษณุ รัตนะแสงงาม” ซึ่งพบว่ามีการปลอมแปลงข้อมูลด้านอายุและปีเกิด โดยใช้หมายเลขประจำตัวประชาชน 1-1014-00734-84-1 ก่อนจะมีการขอทำบัตรประชาชนอีกครั้งปี 2547 จนกระทั่งวันที่ 26 ก.ค. 2550 นายเหลียน ได้ทิ้งตัวตนที่สวมเป็นนายวิษณุทิ้ง และขอทำบัตรประชาชนใหม่อีกครั้ง เพราะว่าได้ให้บิดาพิสูจน์สัญชาติไทยของตนเองโดยใช้หมายเลขบัตรประชาชน 5-6001-01076-29-6 จนถึงปัจจุบัน
พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ กล่าวต่ออีกว่า ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้นายวิษณุตัวจริงได้รับความเดือดร้อน จึงได้ทำการตรวจสอบความเคลื่อนไหวทางทะเบียนราษฎร และรวบรวมพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ จึงนำไปสู่การออกหมายจับนายเหลียน ดังกล่าว จากการตรวจสอบบริษัทนายเหลียนทำกิจการพบว่า ในช่วงแรกได้ทำเป็นบริการส่งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ก่อนจะมาเริ่มทำธุรกิจทัวร์ต่ำกว่าทุนหรือทัวร์ศูนย์เหรียญ
พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ กล่าวว่า คดีดังกล่าวมีประชาชนร้องเรียนเข้ามาเป็นจำนวนมากในเรื่องของการสวมบัตรประชาชน สำหรับผู้ต้องหาคนดังกล่าวเป็นชาวจีน แต่ได้ทำการสวมบัตรประชาชนของนายวิษณุ รัตนะแสงงาม ซึ่งนายวิษณุได้มีปัญหาไม่ได้แจ้งเกิดจึงทำให้ชื่อตกหล่น หลังจากนั้น น่าจะมีเจ้าหน้าที่ใช้โอกาสนี้สวมชื่อนายเหลียนเขาแทนทันที่ โดยหลังจากนี้จะให้ทางกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ทำการถอนบัตรประชาชน และจะประสานกระทรวงพาณิชย์ ให้เพิกถอนใบประกอบการ ส่วนกรมท่องเที่ยวจะเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการทัวร์
นายเหลียน กล่าวว่า ตนสวมบัตรประชาชนของนายวิษณุตั้งแต่อายุ 18 ปี เพื่อจะมาประกอบกิจการในประเทศไทย และยอมรับว่า ได้ดำเนินการประกอบกิจการทัวร์ศูนย์เหรียญจริง โดยเป็นเครือข่ายย่อย จะทำหน้าที่หานักท่องเที่ยวมาส่งให้กับบริษัททัวร์โมเดิร์น โดยตนเพิ่งเริ่มทำกิจการทัวร์ได้เพียง 2 เดือน ก่อนจะโดนเจ้าหน้าที่เข้ากวาดล้างและจับกุมดังกล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ ดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้ จากการสอบสวนผู้ต้องหาในเชิงลึกยังทราบว่า มีผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องอีก 2 คน คือ นายอายี้น้อยหรือ ซ้ง แสนหมี่ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาล จ.มีนบุรี ที่ จ.1070/2560 วันที่ 24 พ.ย. 2560 ในข้อหา “ยื่นคำขอมีบัตรโดยมิได้มีสัญชาติไทย ด้วยการแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จ ปลอมบัตรปกปิดความจริงต่อเจ้าพนักงาน” ซึ่งขณะนี้หลบหนีไปประเทศจีน ตั้งแต่วันที่23 ก.ย. 2560 จากการตรวจสอบพบว่าเป็นเจ้าของบริษัท ที.ยู.เอ็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เริ่มดำเนินกิจการท่องเที่ยวตั้งแต่ปี 2555 โดยนำท่องเที่ยวชาวจีนมาเที่ยวที่ จ.ภูเก็ต และ นายจง หรือ ทรงไพศาลกิจ แซ่ม้า ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจ.แม่สอด ที่ จ.71/2560 ลงวันที่ 5 มิ.ย. 2560 ในข้อหา “ยื่นคำขอมีบัตรโดยมิได้มีสัญชาติไทย ด้วยการแสดงหลักฐานอันเป็จเท็จ ปลอมบัตรปกปิดความจริงต่อเจ้าพนักงาน”
ซึ่งขณะนี้หลบหนีไปประเทศมาเลเซีย ตั้งแต่วันที่17 มี.ค. 2560 จากการตรวจสอบพบว่าเป็นเจ้าของบริษัท ไทย จง หัว ทราเวล กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด เริ่มกิจการตั้งแต่ปี2555 และขณะนี้ได้นำทรัพย์สินกว่าร้อยล้านบาทหลบหนีไปด้วย นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบพบว่ามีบ้านหลังหนึ่งใน อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีคนเข้าออกทะเบียนบ้านนับร้อยคน ซึ่งเชื่อว่าเป็นสถานที่แปลงสัญชาติให้เป็นสัญชาติไทยก่อนจะกระจายออกไป โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสืบสวนในทางลับ