MGR Online - ตร.โคกคราม ฝากขังแก๊งคนมีสีอุ้มรีดเงินเสี่ยการบิน 20 ล้านบาท พร้อมค้านประกัน แต่ล่าสุดศาลให้ประกันตัว “พ.ต.ท.ณัฐกฤษต์” พร้อม “โก เทช ชุน” ชาวสิงคโปร์ ตีราคา 2 แสน ห้ามออกนอกประเทศ-ยึดพาสปอร์ต ส่วน “พล.ต.จรูญ” และพวก ผู้ต้องหากลุ่มทหาร ถูกปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นสอบสวนแล้ว
เมื่อเวลา 14.30 น.วันนี้ (11 ส.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ร.ต.อ.ชรินทร์ ประคองสุข พนักงานสอบสวนสน.โคกคราม ควบคุมตัว พ.ต.ท.ณัฐกฤษต์ หรือนายณัฐกฤษต์ ยุทยา อายุ 42 ปี ชาว จ.นครสวรรค์ พนักงานสอบสวน กก.5 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญา่กรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.), นายโอภาส ศรียา อายุ 39 ปี ชาว จ.ชัยภูมิ และนายโก เทช ชุน หรือโก๊ะ เต๊ก ฉวน (Goh Teck Chuan) อายุ 49 ปี สัญญาติสิงคโปร์ ผู้ต้องหาที่ 1-3 ตามหมายจับศาลอาญา เลขที่ 1806, 1812, 1811/2560 ลงวันที่ 10 ส.ค. 60 คดีร่วมกันอุ้มรีดทรัพย์เงินล้านเสี่ยการบิน มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 11-22 ส.ค.นี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นจะต้องสอบปากคำพยานอีก 5 ปาก และรอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยพนักงานสอบสวนได้ขอคัดค้านการให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้งสามในชั้นฝากขังนี้ด้วย เนื่องจากเกรงว่าหากปล่อยชั่วคราวแล้วผู้ต้องหาจะหลบหนี รวมทั้งจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน
โดยคำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2560 พ.ต.ต.ณัฐกฤษต์ ผู้ต้องหาที่ 1 ได้แต่งกายเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบสังกัด กอ.รมน. และพวกซึ่งแต่งชุดลายพรางทหารบกประมาณ 10 คนที่มีผู้ต้องหาที่ 2-3 รวมอยู่ในนั้นด้วย ได้บุกรุกเข้าไปในบริษัท คันต้า กรุ๊ป ไทยแลนด์ จำกัด ของนายสุรชัย แซ่ย่าง ที่ตั้งอยู่แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กทม. แล้วได้สอบถามจนให้บุคคลพาไปพบตัวนายสุรชัยซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทที่ห้องทำงาน จากนั้นพวกผู้ต้องหาได้นำเอกสารที่อ้างว่าทำการตรวจสอบประวัติของนายสุรชัยแล้วเป็นคนต่างด้าวสวมชื่อทำบัตรประชาชนปลอม โดยผู้ต้องหาที่ 1 และ 3 บอกว่าจะพาตัวนายสุรชัยไปพบ “นาย” หมายถึงตัว พล.ต.จรูญ อำภา จากนั้นพวกผู้ต้องหาได้พานายสุรชัยขึ้นรถยนต์เดินทางไปพบกับ พล.ต.จำรูญ ที่ได้มีการสอบถามนายสุรชัยว่ามีการทำบัตรประชาชนปลอมหรือไม่ หากทำจริงให้รับมาและให้แก้ไขให้ถูกต้องตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ โดยเวลาต่อมาผู้ต้องหาทั้งหมดกับพวก ก็ได้ข่มขู่เรียกเอาเงินจากนายสุรชัยเพื่อแลกกับการไม่จับกุมตัวดำเนินคดี นายสุรชัยเกิดความกลัวจึงมอบเงิน 1 ล้านบาทให้กลุ่มผู้ต้องหา แล้วในวันที่ 17 ก.ค.นั้น นายสุรชัยยังได้โอนเงินอีก 1 ล้านบาทเข้าบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ของนายโอภาส ผู้ต้องหาที่ 2
กระทั่งวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาทั้งสามถูกตำรวจจับกุมได้ตามหมายจับพร้อมแจ้งข้อหาร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจ โดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำโดยประการใดๆให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และให้ผู้อื่นนั้นกระทำการใดให้แก่ผู้กระทำหรือผู้อื่น, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้ หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจ หรือบุคคลที่ 3 และร่วมกันบุกรุกเคหสถานตั้งแต่สองคนขึ้นไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคสอง, 310, 310 ทวิ, 337 และ 365 (2) ซึ่งชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสามให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ส่วน พล.ต.จรูญ อำภา, จ.อ.ทรงวุฒิ เที่ยงธรรม, จ.อ.เทพพิทักษ์ รัดทะนี, จ.อ.เสาวเดช ศักดิ์กิตตินันท์, จ.อ.อภิวัฒน์ ศรีนะพรม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา เลขที่ 1815, 1810, 1809, 1807, 1808/2560 ในคดีเดียวกันนี้ก็ได้ถูกจับกุมตัวในวันเดียวกัน แต่ได้รับการปล่อยชั่วคราวไปในชั้นสอบสวนของพนักงานสอบสวน เหตุเกิดที่ บจก.คันต้า กรุ๊ป ไทยแลนด์
ทั้งนี้ ศาลพิจารณาคำร้องแล้วสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้
ต่อมาญาติของ พ.ต.ท.ณัฐกฤษต์ หรือนายณัฐกฤษต์ และนายโก เทช ชาวสิงคโปร์ ผู้ต้องหาที่ 1 และที่ 3 ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราวระหว่างการฝากขัง
กระทั่งเวลา 16.30 น. ศาลพิจารณาคำร้องและหลักทรัพย์เป็นเงินสดแล้ว จึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว พ.ต.ต.ณัฐกฤษต์ หรือนายณัฐกฤษต์ และนายโก เทช ชาวสิงคโปร์ ผู้ต้องหาที่ 1 และที่ 3 ได้ โดยตีราคาประกันคนละ 200,000 บาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาต โดยศาลให้ยึดหนังสือเดินทาง (เล่มพาสปอร์ต) ของนายโก เทช ชาวสิงคโปร์ ผู้ต้องหาที่ 3 ไว้ด้วย
อย่างไรก็ดี สำหรับนายโอภาส ศรียา อายุ 39 ปี ชาว จ.ชัยภูมิ ผู้ต้องหาที่ 2 นั้น ปรากฏว่าไม่มีหลักทรัพย์ที่จะยื่นประกันตัวในชั้นนี้ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จึงได้ควบคุมตัวไปขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครระหว่างการฝากขังนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้ต้องหาทั้งหมด พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ. และคณะจับกุมได้เมื่อวันที่ 10 ส.ค. กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์เรียกเงินค่าคุ้มครอง 20 ล้านบาทจากนายสุรชัย แซ่ย่าง เจ้าของ บจก.คันต้า กรุ๊ป ไทยแลนด์ ทำธุรกิจเกี่ยวกับสายการบิน โดยพวกผู้ต้องหาอ้างว่านายสุรชัยทำเอกสารทะเบียนราษฎรและบัตรประชาชนปลอม แต่ระหว่างนั้นนายสุรชัยผู้เสียหายได้ต่อรองการจ่ายเงินจนเหลือ 2 ล้านบาท โดยขณะนี้ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้แล้วทั้งสิ้น 8 ราย คงเหลือผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอีก 2 ราย คือ นายอุทิศ ก่อแก้ว และนายฐิติกร ชื่นอุรา