MGR Online - คนในเครื่องแบบทำงามหน้าอีก 191 จับ “พลตรี” พ่วง พ.ต.ท.หัวโจก พร้อมสมุนอีก 8 อุ้มนักธุรกิจการบินชาวจีน อ้างใช้ทะเบียนราษฎร-บัตรประชาชนคนไทยปลอม รีดเงิน 20 ล้าน ก่อนต่อรองเหลือ 2 ล้าน
วันนี้ (11 ส.ค.) ที่ สน.บึงกุ่ม พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ. พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท. พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผกก.สน.โคกคราม พ.ต.ท.ทัสสุมิ ยอดประทุมวัน รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.ภาณุพงศ์ จินดาหลวง สว.สส. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคลีคลายคดี แถลงข่าวกรณีที่มีกลุ่มอุ้มนายสุรชัย แซ่ย่าง และนายทรงศักดิ์ วิโรจน์ถาวรกิจ เจ้าของบริษัทท่องเที่ยว คันตาร์ กรุ๊ป ไทยแลนด์ จำกัด ตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา
เบื้องต้นตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 8 คน ระหว่างหลบหนีไปจังหวัดนครราชสีมา จากที่ศาลอาญาอนุมัติหมายจับ 10 คน เป็นเจ้าหน้าที่ทหาร 5 นาย เจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 นาย ส่วนอีก 2 คนอยู่ระหว่างหลบหนีแต่คาดว่ายังอยู่ในประเทศไทย
ขณะที่นายทรงศักดิ์ วิโรจน์ถาวรกิจ หนึ่งในผู้เสียหายที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า ในวันเกิดเหตุมีกลุ่มชายฉกรรจ์เข้าไปขอพบนายสุรชัน แซ่ย่าง โดยไม่มีหมายค้น แต่เนื่องจากตนเห็นว่าเป็นเจ้าหน้าที่และเข้าขอตรวจค้นเรื่องความมั่นคงจึงพาเข้าไปพบนายสุรชัย และเมื่อพบตัวกลุ่มชายฉกรรจ์ได้คุมตัวตนและนายสุรชัยพร้อมถอดฮาร์ดดิสก์กล้องวงจรปิดทั้งหมดไปด้วย ก่อนจะพาไปขึ้นรถยนต์และพาไปที่โรงเรียนย่านดอนเมือง เพื่อไปเจราจากับ “พล.ต.จรูญ” โดยบอกสาเหตุการจับตัวทั้งคู่มาว่าทั้งคู่มีเอกสารทะเบียนราษฎรและบัตรประชาชนปลอม จึงเจรจาเรียกเงินค่าไถ่ 20 ล้าน โดย พล.ต.จรูญ ได้ต่อรองเหลือ 2 ล้าน เนื่องจากผู้เสียหายไม่มีเงิน ก่อนปล่อยตัวตน และนายสุรชัยได้ให้เงินสด 1 ล้านบาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัว ก่อนที่จะโอนเงินเข้าบัญชีนายโอภาส ศรียา อีก 1 ล้านบาท ในวันที่ 17 กรกฎาคม ทั้งนี้ นายทรงศักดิ์ยืนยันว่าไม่ได้รู้จักกับกลุ่มคนร้ายเป็นการส่วนตัว แต่เคยทำธุรกิจร่วมกับหรือไม่นั้นตนเองไม่แน่ใจ
โดยการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากทางญาติได้เข้าไปร้องทุกข์ต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง จึงได้สั่งการให้สายตรวจพิเศษ 191 สืบสวนและติดตามจับกุมคนร้าย
จากการตรวจค้นภายในบ้านของกลุ่มคนร้ายไม่พบหลักฐานอะไรเพิ่มเติม เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์ และร่วมกันบุกรุก ก่อนที่กลุ่มผู้ต้องหาจะได้รับการประกันตัวไป 5 คน เหลืออีก 3 คนซึ่งมีหลักฐานการกระทำความผิดชัดเจน ประกอบด้วย นายโอภาส ศรียา ผู้รับโอนเงิน, พ.ต.ท.ณัฐกฤษต์ ยุทยา พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. และนายโก๊ะ เต็กชวน ชาวสิงคโปร์ โดยจะนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก