ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ จำคุก 50 ปี ฝรั่งชาวดัตช์ซื้อที่ดินในชลบุรีพร้อมรถหรู ฟอกเงินค้ากัญชาจากเนเธอร์แลนด์ กว่า 300 ล้านบาท แต่ตามกฎหมายฟอกเงินให้จำคุกได้ไม่เกิน 20 ปี ส่วนเมียชาวไทยเจอไป 7 ปี 4 เดือน
วันนี้ (20 มิ.ย.) ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีฟอกเงิน หมายเลขดำ อ.3423 /2557 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 3 เป็นโจทก์ฟ้องนายโจฮันเนส เพทรุส มาเรีย ฟาน ลาร์โฮเวน (Johannes Petrus Maria van laarhoven) อายุ 57 ปี สัญชาติเนเธอร์แลนด์ และนางมิ่งขวัญ ฟาน ลาร์โฮเวน หรือนางมิ่งขวัญ แก่นอินทร์ อายุ 35 ปี ภรรยาชาวไทย ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-2 ตามลำดับ ในความผิดฐานฟอกเงินซึ่งได้มาจากการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดประเภทกัญชา เหตุเกิดที่ ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และที่อื่นเกี่ยวพันกัน โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาจำเลยทั้งสอง ตามความผิด ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3, 5, 6, 7 และ 60 ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. 2556 ทั้งนี้จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดีมาโดยตลอด
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อ วันที่ 10 พฤศจิกายน 2558 ว่าจำเลยทั้งสองกระทำผิดตามฟ้องจริง เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 โดยนายโจนาส จำเลยที่ 1 กระทำผิด 43 กระทง จำคุก 103 ปี ส่วนนางมิ่งขวัญ จำเลยที่ 2 กระทำผิด 13 กระทง จำคุก 18 ปี คำให้การ และทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาบ้างลดโทษให้จำเลยคนละ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ 68 ปี 8 เดือน ทั้งนี้ ตามกฎหมายให้จำคุกในความผิดฐานฟอกเงินได้ไม่เกิน 20 ปี จึงให้จำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ 20 ปี ตามกฎหมาย ส่วนจำเลยที่ 2 คงจำคุก 12 ปี ส่วนความผิดฐานอื่นให้ยก
ต่อมานายโจฮันเนส และนางมิ่งขวัญ จำเลยที่ 1-2 ยื่นอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า พยานโจทก์ที่เป็นเจ้าหน้าที่ของต่างประเทศนำสืบเบิกความสอดคล้องกันว่าจำเลยมีการกระทำผิดเป็นขบวนการโดยมีพยานหลักฐานจากการส่งสายสืบ การดักฟังโทรศัพท์ บัญชีการเงิน และยังเบิกความเป็นขั้นตอนในชั้นศาลยากแก่การปรุงแต่งเรื่องราว หลักฐานมีน้ำหนักให้รับฟัง เชื่อว่าจำเลยที่ 1 และ 2 กระทำผิดจริง
ส่วนที่จำเลยที่ 1 อ้างว่าเงินที่ได้มาจากการขายธุรกิจร้านกาแฟจำนวน 4 แห่งนั้น เมื่อพิจารณาถึงจำนวนเงินที่มีการโอนเข้าบัญชีซึ่งมีมูลค่ากว่า 300 ล้าน ซึ่งเป็นเงินจำนวนมากเกินกว่ามูลค่าธุรกิจร้านกาแฟข้อเท็จจริงดังกล่าวไม่สมเหตุผล การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่ได้จากการโอนขายยาเสพติดเป็นการปกปิดที่มาของเงินที่ได้จากการกระทำผิด ส่วนจำเลยที่ 2 แม้จะหย่ากับจำเลยที่ 1 แต่พฤติการณ์พบว่ายังอยู่กินฉันสามีภรรยากับจำเลยที่ 2 ที่เมืองไทย และปรากฏว่ามีเงินโอนเข้าบัญชีจำนวนมาก ซึ่งจำเลยที่ 2 ย่อมทราบดีว่าจำเลยที่ 1 ได้เงินมาอย่างไรย่อมมีส่วนรวมการกระทำผิด อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 โดยพิพากษาแก้ว่า นายโจนาสจำเลยที่ 1 กระทำผิดฐานฟอกเงิน รวม 15 กระทง จำคุกกระทงละ 5 ปี รวมจำคุก 75 ปี ลดโทษ 1 ใน 3 เหลือ 50 ปี แต่ตามกฎหมายแล้วให้จำคุกในความผิดฐานฟอกเงินได้ไม่เกิน 20 ปี
ส่วนนางมิ่งขวัญ จำเลยที่ 2 กระทำผิดฐานร่วมกันสนับสนุนการฟอกเงิน รวม 6 กระทง จำคุก 11 ปี โดยทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้างลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 7 ปี 4 เดือน ส่วนความผิดอื่นให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2557 ทางการไทยได้ประสานเจ้าหน้าที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ปส.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกระทรวงยุติธรรม ร่วมกันตรวจค้นจับกุมนายโจฮันเนส และนางมิ่งขวัญ ภรรยา จากบ้านพักเนื้อที่ 2 ไร่เศษ ในสนามกอล์ฟฟีนิกซ์ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ยึดเงินสด เครื่องประดับในตู้เซฟ พร้อมสมุดบัญชีธนาคารของนางมิ่งขวัญ รวมทั้งที่ดินอีกหลายแปลงซึ่งอยู่ในสนามกอล์ฟดังกล่าว และสำเนาโฉนดที่ดินจำนวน 8 แปลง เอกสารการเป็นเจ้าของรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ และพอร์ช อีก 5 คัน หนังสือเดินทาง 5 เล่ม สัญญาซื้อขายตึกแถว 1 ห้องใน จ.สมุทรปราการ นอกจากนี้ยังมีอาวุธปืนพกสั้นยี่ห้อบาร์เร็ตตาที่จดทะเบียนเป็นชื่อของนางมิ่งขวัญ จำนวน 2 กระบอก พร้อมกระสุน 159 นัด รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 100 ล้านบาท ที่ได้จากการลักลอบจำหน่ายยาเสพติดประเภทกัญชา โดยดำเนินธุรกิจเป็นร้านคอฟฟีชอปในประเทศเนเธอร์แลนด์ แล้วส่งเงินที่ได้จากการกระทำผิดมาฟอกเงินโดยการกว้านซื้อทรัพย์สินต่างๆ