MGR Online - ศาลฎีกาพิพากษากลับ ให้จำคุก 2 ปี ปรับ 1 แสน “ชวนนท์”อดีตโฆษก ปชป.หมิ่น “สุรพงษ์” เอื้อประโยชน์กัมพูชาข้อพิพาทชายแดน รอลงอาญา 2 ปี
วันนี้ (28 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณา 904 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำพิพากษาฎีกา หมายเลขดำ อ.4990/2554 ที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศ เป็นโจทก์ฟ้องนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต อดีตโฆษกพรรคประชาธิปัตย์เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท
โจทก์ฟ้องสรุปว่า ระหว่างวันที่ 24-25 ก.ย. 2554 นายชวนนท์ จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า นาย สุรพงษ์ โจทก์ซึ่งเป็น รมว.ต่างประเทศ ได้ให้นายอัษฎา ชัยนาม ออกจากประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) เพื่อประโยชน์แก่กัมพูชา ซึ่งเป็นความเท็จ และต่อมาจำเลยที่ 2-6 ได้นำตีพิมพ์เผยแพร่ข่าวในวันที่ 25 ก.ย. 2554 การกระทำของพวกจำเลยทำให้โจทก์ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมาย เหตุเกิดที่พรรคประชาธิปัตย์ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม.
ขณะที่ศาลไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่าคดีมีมูลจึงให้ประทับรับคำฟ้องไว้พิจารณาเพื่อมีคำพิพากษาต่อไป ชั้นพิจารณาจำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธต่อสู้คดี ส่วนจำเลยที่ 2-6 ซึ่งเป็นบรรณาธิการ นสพ.กรุงเทพธุรกิจ และ นสพ.คมชัดลึก โจทก์ได้ถอนฟ้องคดีไปแล้ว
คดีนี้ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาไปเมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2557 ว่านายชวนนท์จำเลยกระทำผิดฐานหมิ่นประมาทฯ ให้ลงโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 100,000 บาท แต่รอการลงโทษมีกำหนด 2 ปี โดยให้จำเลยลงโฆษณาคำพิพากษาย่อในหนังสือพิมพ์ และเว็บไซต์ เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 7 วัน ต่อมาศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ยื่นฎีกา
โดยในวันนี้นายชวนนท์ จำเลย เดินทางมาฟังคำพิพากษา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า โจทก์ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ส่วนจำเลยดำรงตำแหน่ง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ จำเลยได้แถลงข่าวถึงกรณีที่โจทก์ได้ให้นายอัษฎา ชัยนาม ออกจากประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) และให้นายวีรชัย พลาศรัย ออกจากกรรมาธิการ เจบีซี เมื่อพิจารณาถึงเนื้อหาถ้อยคำที่จำเลยแถลงนั้นมีลักษณะว่าตัวโจทก์มีพฤติการณ์ทำเพื่อผลประโยชน์และรับคำสั่งมาจากประเทศกัมพูชา ถ้อยคำดังกล่าวจึงไม่ใช่เป็นการแสดงความคิดเห็นในชเงตั้งคำถามเพื่อตรวจสอบ แม้จำเลยจะไม่ได้แสดงข้อเท็จจริงเจาะจงว่า โจทก์มีพฤติการณ์ตามที่จำเลยแถลงข่าวจริง แต่บุคคลทั่วไปย่อมเข้าใจได้ว่าโจทก์กระทำการเพื่อผลประโยชน์ของประเทศกัมพูชาและเป็นคนขายชาติ ที่จำเลยเบิกความอ้างเป็นพยานจำเลยปากเดียวว่าการเปลี่ยนตัว นาย อัษฎาและนายวีรชัย มีผลทำให้เกิดความเสียหาย เป็นเพียงคำกล่าวลอยๆแม้จะมีการนำเอกสารบทความต่างๆเข้าเป็นหลักฐาน การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการติชมด้วยความเป็นธรรม ศาลฎีกาเห็นควรพิพากษากลับให้จำคุกจำเลยตามที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา คงจำคุก นายชวนนท์ จำเลย 2 ปี ปรับ 100,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษ 2 ปี และให้จำเลย ลงโฆษณาคำพิพากษาย่อในหนังสือพิมพ์ และเว็บไซต์ เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 7 วัน