MGR Online - อดีต ส.ท.มหาสารคาม ร้อง ตร.กรณีการงัดตู้เก็บสำนวนคดีของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โยงคดี จนท.ที่ดินตับแตก เชื่อเป็นการฆาตกรรม
วันนี้ (8 ก.ย.) ที่ สน.ทุ่งสองห้อง นายประเสริฐ เหล่าโสภาพันธ์ อดีตเทศมนตรีเมืองมหาสารคาม เดินทางเข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชนที่ สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อดำเนินคดีและตรวจสอบกรณีการงัดตู้เก็บสำนวนคดีของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ชั้น 4 ซึ่งได้ปรากฏตามข่าวหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ และกรุงเทพธุรกิจ (เนชั่น) ฉบับวันที่ 11-12 สิงหาคม 2552 ที่ผ่านมาภายในตู้สำนวนดังกล่าวมีสำนวนคดีของนายกมล เหล่าโสภาพันธ์ นักเคลื่อนไหวภาคประชาชน สมาชิกเครือข่ายภาคประชาชนต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันด้วย ซึ่งเป็นพี่ชายของตนอยู่ด้วย
นายประเสริฐกล่าวว่า ขณะนี้นายกมลได้ถูกบังคับให้เป็นบุคคลสูญหาย เนื่องจากว่านายกมลได้พบเห็นการ ทุจริตคอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวกับการเช่าที่ดินบริเวณหน้าสถานีรถไฟบ้านไผ่ และการเช่าสำนักงานศาลปกครองขอนแก่น ซึ่งกลุ่มที่เช่าที่ดังกล่าวมีผลประโยชน์ร่วมกันกับเจ้าหน้าที่รัฐ มีการใช้เอกสารปลอมในการเช่าที่ดิน ซึ่งที่ดินของรถไฟ จากนั้นนายกมลจึงได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานและเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ตามหน้าที่ของพลเมืองดี กระทั่งเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2551 ที่ผ่านมา พ.ต.อ.เนติพงศ์ ธาตุทำเล ผกก.บ้านไผ่ (ผกก.ในขณะนั้น) ได้โทรศัพท์ไปขอไกล่เกลี่ยไม่ให้มีการแจ้งความในดำเนินคดีดังกล่าวแต่ไม่เป็นผล กระทั่งช่วงดึกของคืนวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2551 นายกมลได้ไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่บน สภ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น และได้หายตัวไปในวันดังกล่าว
นายประเสริฐกล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2551 ทางภรรยาของนายกมลได้ไปสอบถามที่ สภ.บ้านไผ่ว่านายกมลอยู่ไหน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตอบกลับว่านายกมลกลับไปตั้งแต่เวลา 23.40 น.ของวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2551 ซึ่งเป็นไม่ได้ที่นายกมลจะไม่ถึงบ้าน เนื่องจากบ้านพักและ สภ.บ้านไผ่ อยู่ห่างกันไม่เกิน 1 กิโลเมตร ต่อมาวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2551 ตนซึ่งอยู่กรุงเทพฯ จึงได้เดินทางร้องทุกข์ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ต่อมากรมสอบสวนคดีพิเศษรับเรื่องให้เป็นคดีอาญาพิเศษ กระทั่งเมื่อวันที่ 11-12 สิงหาคม 2552 ตรได้ทราบเรื่องจากหนังสือพิมพ์ว่ามีการงัดตู้ชั้น 4 ของดีเอสไอ ซึ่งตู้ที่งัดเป็นตู้ที่เก็บสำนวนของนายกมลพี่ชายของตน และคดีแขวนคอเยาวชน จ.กาฬสินธุ์ ทั้ง 2 คดีอยู่ในภูธรภาค 4 ตนจึงได้สอบถามไปทางดีเอสไอ ดีเอสไอแจ้งว่าไม่มีเอกสารอะไรหาย
นายประเสริฐกล่าวอีกว่า กระทั่งช่วงปี 2556 ทางดีเอสไออ้างว่าไม่สามารถดำเนินคดีต่อได้เนื่องจากเอกสารหลักฐานไม่เพียงพอ แต่ทางดีเอสไอไม่ยอมแจ้งตน เพิ่งมาแจ้งเมื่อปี 2557 อย่างไรก็ตาม คดีดังกล่าวมีนักการเมืองและผู้มีอิทธิพลเกี่ยวข้องด้วย (ส.ส.มหาสารคาม ฯลฯ) และเชื่อว่ามีเอกสารหายไปจากสำนวนดังกล่าวด้วย อีกทั้งทางเจ้าหน้าที่กองปราบปรามพบว่าในที่นายกมลหายตัวไปนั้นพบการโทรศัพท์ระหว่างพนักงานสอบ และ พ.ต.อ.เนติพงศ์ จำนวนหลายครั้งทุกๆ 10นาที ทั้งนี้เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาตนได้ไปยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่บ้านพัก พร้อมทั้งในวันนี้ได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยัง พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น.เข้าตรวจสอบกรณีดังกล่าวด้วย
“เชื่อว่าการหายตัวไปของนายกมลนั้น เจ้าหน้าที่ดีเอาไอมีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ต่างจากคดีของนายธวัชชัย อนุกูล อายุ 66 ปี อดีตเจ้าพนักงานที่ดินพังงา สาขาท้ายเหมือง ตนเชื่อว่าไม่ใช่การผูกของตายอย่างแน่นอน” นายประเสริฐกล่าวทิ้งท้าย