xs
xsm
sm
md
lg

รองโฆษกตร.ยันยังไม่ขึ้นค่าปรับจราจรเป็นเพียงแนวคิด ชี้ไม่เปิดช่องให้ ตร.ทำยอดใบสั่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - รองโฆษก ตร.ระบุเพิ่มค่าปรับจราจร 4 เท่า เป็นแนวคิดที่กำลังศึกษา ยืนยันไม่เปิดช่องโหว่ให้ตำรวจจราทำยอดใบสั่งกินส่วนแบ่ง

วันนี้ (23 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รองโฆษก ตร.) กล่าวถึงกรณีที่ประชุมคณะอนุกรรมการบูรณาการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจราจรในเขต กทม.และปริมณฑล เสนอให้เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย กวดขันในเรื่องการออกใบสั่งให้เป็นวาระพิจารณาเร่งด่วน โดยหากใครได้รับใบสั่งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วไม่ไปชำระเงินภายใน 30 วัน จะต้องจ่ายค่าปรับเพิ่มเป็น 4 เท่า ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นแนวคิดในที่ประชุมเมื่อวานนี้ (22 ก.ย.) ซึ่งอาจจะเป็นมาตรการในระยะยาว ตอนนี้อยู่ระหว่างการศึกษาว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด ทั้งนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาประชาชนที่ได้รับใบสั่งแล้วไม่มาชำระเงิน ก่อนหน้านั้นการแก้ปัญหาจราจรแบบแยกส่วน แต่วันนี้มีการทำงานแบบบูรณาการร่วมกัน ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาแก้ปัญหาร่วมกันอย่างจริงจัง ตนเชื่อว่าปัญหานี้แก้ไม่ยากถ้าทุกคนร่วมมือกัน ส่วนจะมีการใช้มาตรา 44 แก้ปัญหาด้วยหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลา

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเพิ่มค่าปรับ 4 เท่าจะเป็นการเปิดช่องทางให้ตำรวจจราจรแข่งกันทำยอดใบสั่งหรือไม่ เนื่องจากได้ถ้าทำได้มากก็ได้ส่วนแบ่งมาก พล.ต.ต.ปิยะพันธ์กล่าวว่า ตำรวจมีหน้าที่บังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ฝ่าฝืน ไม่เกี่ยวกับการทำยอดใบสั่ง ยืนยันว่าการเพิ่มค่าปรับไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่เป็นหนึ่งในมาตรการในการดำเนินการเท่านั้นซึ่งมีทั้งปัญหาด้านกายภาพ การบังคับใช้กฎหมาย และการบริหารจัดการของเจ้าหน้าที่

ด้าน พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย รองโฆษก ตร.กล่าวว่า ปัจจุบันประชาชนฝ่าฝืนกฎจราจรจำนวนมาก สถิติแต่ละเดือนมีผู้กระทำผิดเกือบ 1 แสนราย การบังคับใช้กฎหมายที่ผ่านมาไม่เป็นผลเท่าที่ควร เพราะว่าสถิติการออกใบสั่งจราจร 100 เปอร์เซ็นต์ มีผู้มาชำระค่าปรับแค่ 30 เปอร์เซ็นต์ และอีก 70 เปอร์เซ็นต์ก็ลอยนวล จึงเป็นที่มาว่าควรเพิ่มกฎลงโทษ พร้อมวางมาตรการต่างๆ ไว้ เช่น อายัดรถไว้ก่อนเพื่อให้คนที่ทำผิดได้ชำระค่าปรับ อย่างไรก็ตามตนมองว่าถ้าไม่ได้ฝ่าฝืนก็ไม่ต้องกลัว

พล.ต.ต.ทรงพลกล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาจราจรในช่วงที่ผ่านมานั้นเป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก ภาพรวมทั้ง 21 สายหลัก สามารถลดระยะเวลาเดินทางได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็มีบางเส้นทางที่ยังมีความล่าช้าอยู่ โดยเฉพาะถนนลาดพร้าวช้าลงประมาณ 35 นาที เนื่องจากเส้นทางดังกล่าวมีประชาชนอาศัยจำนวนมากจึงทำให้มีรถยนต์ค่อนข้างหนาแน่น ประกอบกับมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจึงทำให้การจราจรค่อนข้างจะติดขัด ขณะเดียวกัน ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังได้มีการหารือกับการรถไฟฯ ขอเพิ่มเส้นทางบริเวณแยกคลองเตย แยกผ่านพิภพ ช่วงสะพานพระปิ่นเกล้าจะมีการทุบเกาะกลางให้เล็กลง และถนนรามอินทรา ช่วงสะพานข้ามวิภาวดีจะมีการลดช่องทางกลับรถที่มีมากเกินไปเพื่อให้การจราจรเกิดความคล่องตัวมากขึ้น
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น