MGR Online - ผบ.ตร.ย้ำเหตุระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้ไม่ใช่ก่อการร้าย ยังให้น้ำหนักการก่อเหตุเกี่ยวโยงการลงประชามติ เผยคดีมีความคืบหน้าตามลำดับ แย้มรู้ตัวผู้ร่วมขบวนการบางส่วนแล้วอยู่ระหว่างรวบพยานหลักฐานให้มากขึ้น ยังไม่ถอนหมายจับหนุ่มต้องสงสัยเผาห้างโลตัส นครศรีฯ อยู่ระหว่างขยายผล
วันนี้ (15 ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ ว่าตนขอชี้แจงว่ากรณีที่เกิดขึ้นเป็นการก่อวินาศกรรม ไม่ใช่การก่อการร้าย เพราะหากเป็นการก่อการร้ายเมื่อมีเหตุเกิดขึ้นจะต้องมีผู้แสดงตัวว่าเป็นผู้กระทำหรือแสดงความรับผิดชอบ อย่างที่กลุ่มอัลกออิดะห์ หรือกลุ่มรัฐอิสลาม ที่มักจะมีการประกาศความรับผิดชอบหลังก่อเหตุ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่มีใครออกมาประกาศตัวว่าเป็นผู้ก่อเหตุ เพราะฉะนั้นจากประสบการณ์ที่ได้ทำงานเกี่ยวกับความมั่นคงมายาวนานเชื่อว่าเหตุการณืที่เกิดขึ้นเป็นการก่อวินาศกรรม ไม่ใช่ก่อการร้าย
พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าในการสืบสวนสอบสวนคดีระเบิดที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันเกิดเหตุจนถึงวันนี้มีความคืบหน้าตามลำดับ เริ่มเห็นภาพชัดเจนขึ้น ขณะนี้ตำรวจสามารถต่อจิ๊กซอว์ได้แล้วแม้จะไม่เห็นทั้งขบวนการแต่เห็นภาพบางส่วนแล้ว ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานก่อนเพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน โดยเราจะต้องดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดทั้งขบวนการ ทั้งนี้ หากปรากฏพยานหลักฐานไปถึงใครก็จะดำเนินการทั้งหมด ส่วนประเด็นการก่อเหตุที่ตนเคยตั้งไว้ในตอนแรกว่าเกี่ยวข้องกับการลงประชามติ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนความคิด การตั้งสมมติฐานอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตามยังไม่ได้จัดประเด็นอื่นออก ในการสืบสวนเราตั้งไว้หลายประเด็น แต่ประเด็นประชามติเป็นประเด็นที่เราให้น้ำหนักมาตั้งแต่แรก นอกจากนี้ ได้มีการวิเคราะห์ความเชื่อมโยงเทียบเคียงกับคดีระเบิดในกรณีอื่นๆ รวมทั้งเหตุความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่พบความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์
“นอกจากนี้ได้มีการประสานกับตำรวจมาเลเซียเกี่ยวกับการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุงฮีโร่ ที่ใช้ในการก่อเหตุ เนื่องจากโทรศัพท์รุ่นนี้มีจำหน่ายเฉพาะในประเทศมาเลเซียเท่านั้น แต่ตนไม่อยากให้ขยายความเรื่องนี้มาก แต่ยอมรับว่าตำรวจมาเลเซียให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทั้งการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือที่ใช้ในการก่อเหตุ และการตรวจสอบผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ที่อาจจะหลบหนีไปกบดาน ทั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องส่งชิ้นส่วนโทรศัพท์มือถือไปตรวจสอบ เพียงแค่รายละเอียดชื่อรุ่นก็รู้แล้วว่าผลิตหรือจำหน่ายที่ไหน อย่างไร” ผบ.ตร.ระบุ
พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวต่อไปว่า คดีนี้มีการจับกุมนายศักรินทร์ คฤหัสถ์ อายุ 32 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ ที่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 44 อย่างไรก็ตาม นายศักรินทร์ก็ยังมีสถานะเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยขณะนี้ยังถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ทหาร และมีการซักถามซึ่งก็ได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อทีมสืบสวน โดยเจ้าตัวสามารถให้การอย่างไรก็ได้ จะยอมรับ หรือปฏิเสธก็ได้ทั้งนั้น เราไม่ได้ตัดสิทธิเขาแต่อย่างใด ยืนยันว่าตำรวจยังไม่มีการเพิกถอนหมายจับนายศักรินทร์แต่อย่างใดซึ่งพนักงานสอบสวนได้ใช้พยานหลักฐานที่มีในขณะนั้นเสนอศาลออกหมายจับ
ผู้สื่อข่าวถามว่าตำรวจมีพยานหลักฐานหรือไม่ว่านายศักรินทร์เป็นผู้ก่อเหตุตัวจริง พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า เท่าที่ได้รับรายงานเจ้าตัวอยู่ในที่เกิดเหตุ โดยมีหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพไว้ได้ก่อนเกิดเหตุ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างขยายผล ขอเวลาทำงานก่อน เดี๋ยวข้อเท็จจริงก็จะปรากฏ ส่วนนายศักรินทร์เป็นกลุ่มฮาร์ดคอร์ หรือมีแนวคิดการเมืองอย่างไรนั้น เรื่องนี้ก็อยู่ระหว่างสอบสวน นอกจากนี้ ได้ควบคุมตัวนายอับดุลเลาะห์ ปาเนาะ ที่ จ.กระบี่ ซึ่งนายอับดุลเลาะห์หลบหนีคดีจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาหลายปีแล้ว สอบสวนนายอับดุลเลาะห์รับสารภาพว่าได้ก่อเหตุจริงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้อยู่ระหว่างการซักถามและขยายผล เขาหลบหนีมาจากพื้นที่ตรงนั้น ทราบในเชิงลึกว่าครอบครัวต้องการให้ตัวเขาแยกออกมาจากพื้นที่
เมื่อถามว่าการจับกุมนายอับดุลเลาะห์ในช่วงนี้แสดงว่าหลักฐานว่ามีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นล่าสุด พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า กรณีของนายอับดุลเลาะห์เป็นการจับกุมตามหมายจับในคดีความไม่สงบ ที่ตามปกติเมื่อตำรวจพบตัวผู้ต้องหาที่มีหมายจับก็สามารถจับกุมได้ทันที ส่วนเรื่องความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นล่าสุด หรือ การตรวจสอบพยานหลักฐานต่างๆ คงไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะอยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผล
พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวถึงการออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้เพิ่มเติมนั้นต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน หากมีความชัดเจนก็จะสามารถเสนอศาลให้ออกหมายจับได้ ยอมรับว่าขณะนี้ทีมสืบสวนมีข้อมูลของกลุ่มบุคคลที่ที่คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นใครบ้าง และมีจำนวนเท่าใด หากถามว่าวันนี้สามรารถออกหมายจับผู้ต้องหาเลยได้หรือไม่ ตนตอบได้เลยว่าออกได้ แต่ตนต้องการรวบรวมพยานหลักฐานให้มากขึ้นกว่านี้
ส่วนที่มีการแชร์ข้อมูล 10 จุดเสี่ยงใน กทม.ทางโซเชียลมีเดีย พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ตรงนี้เป็นข้อมูลที่ตำรวจได้มีการรวบรวมไว้อยู่แล้วว่ามีจุดใดบ้างที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ที่ผ่านมาเราก็ได้มีการเฝ้าระวังอย่างเต็มที่อยู่แล้ว ไม่เพียงแต่คดีระเบิดเท่านั้น แม้แต่คดีอาชญากรรมทั่วไปอย่างคดีลักวิ่งชิงปล้นเราก็ได้มีการรวบรวมข้อมูลไว้ทั้งหมด ยืนยันว่าตำรวจไม่ได้เพิ่งมาทำ แต่เราทำมาโดยตลอด
ผู้สื่อข่าวถึงที่มีข้อมูลเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นคล้ายกับเหตุระเบิดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ตนพูดชัดเจนตั้งแต่แรกว่าการประกอบระเบิดมีความคล้ายคลึงกัน ที่ผ่านมาตนไม่เคยปฏิเสธเรื่องนี้ อย่างเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์และเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นล่าสุดที่พบวัตถุพยานเป็นลูกปลายเหมือนกัน แต่ก็ไม่มีความเชื่อมโยงกัน เพราะอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบระเบิด อย่างสายไฟ แผงวงจรจะไปหาซื้อที่ไหนก็ได้ เหมือนซื้อรองเท้าฟองน้ำสามารถไปหาซื้อที่ไหนก็ได้ ที่ กทม.หรือภาคใต้ก็สามารถหาซื้อได้ แต่ตัวคนต่างหากที่ต้องตรวจสอบความเชื่อมโยง
ผบ.ตร.กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาตำรวจได้ร่วมกับฝ่ายความมั่นคงติดตามข้อมูลด้านการข่าวมาโดยตลอด โดยเฉพาะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ที่ได้ติดตามเรื่องนี้ด้วยตนเอง จนสามารถลดการลงมือกระทำความผิดในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะคดีความมั่นคง ยืนยันว่าตำรวจ เจ้าหน้าที่ทหารและฝ่ายปกครองพยายามอย่างเต็มที่ในการดูแลความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยของประชาชน ขอให้เชื่อมั่นในศักยภาพของเจ้าหน้าที่ว่าสามารถที่จะดูแลความเรียบร้อย ดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนได้ อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแจ้งเบาะแส เพราะทุกคนมีกล้องมือถือหากพบสิ่งผิดปกติก็สามารถถ่ายภาพส่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ทันที ที่ผ่านมาเราก็ตรวจสอบให้ทั้งหมด