MGR Online - เจ้าของประดับยนต์ ร้องตร.ปอท. หลังถูกมิจฉาชีพสวมลอยเป็นลูกค้าติดต่อซื้ออุปกรณ์ ก่อนขอเลขที่บัตรประชาชน และบัญชีธนาคาร สวมรอยเปลี่ยนรหัสแฮกเงินผ่านบัญชีออนไลน์ ปล้นเงินร่วม 1 ล้านบาท พบมีการทำเป็นขบวนการไม่ต่ำกว่า 5 คน
วันนี้ (9 ส.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมด้วย นายพันธ์สุธี มีลือกิจ อายุ 28 ปี ชาว จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าของร้าน X-Bar Ayutthaya (เอ็กซ์บาร์ อยุธยา) เปิดขายผ่านทางเฟซบุ๊กเกี่ยวกับเครื่องประดับยนต์ เดินทางเข้าร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.พงศกร เถาวัลย์ รอง สว. (สอบสวน) กก.1 บก.ปอท. กรณีถูกกลุ่มคนร้ายถอนเงินจากบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาอยุธยา ไปจำนวน 986,700 บาท พร้อมนำเอกสารหลักฐาน อาทิ ภาพการสนทนากับคนร้าย ภาพกล้องวงจรปิด เป็นต้น
นายพันธ์สุธี กล่าวว่า ตนเป็นพ่อค้าขายของเกี่ยวกับเครื่องประดับยนต์ ใช้ชื่อร้านว่า X-Bar Ayutthaya (เอ็กซ์บาร์ อยุธยา) ผ่านทางเฟซบุ๊กมานานกว่า 5 ปี กระทั่งวันที่ 28 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีเฟซบุ๊กชื่อ “วันชัย กบ ยาวิราช” ติดต่อสอบถามสินค้าและสั่งซื้อ เอ็กซ์บาร์ ใช้ติดตั้งประดับรถยนต์จำนวน 1 ชุด ราคา 48,000 บาท ตนจึงได้ให้เลขบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาอยุธยา ไป แต่เฟซบุ๊กดังกล่าวอ้างว่ากลัวโอนเงินแล้วไม่ได้สินค้า ต้องการให้ยืนยันตัวตน จึงส่งบัตรประชาชนให้ โดยปิดเลข 13 ตัวไว้ ต่อมาวันที่ 29 กรกฎาคม เฟซบุ๊กดังกล่าวอ้างว่าไม่สามารถโอนเงินให้ได้อีก ต้องสมัคร K-Cyber Banking ของธนาคารกสิกรไทย เพื่อให้สะดวกสำหรับการโอนเงิน จึงตัดสินใจสมัคร จากนั้นเฟซบุ๊กดังกล่าวก็เงียบหายไป
กระทั่งวันที่ 31 กรกฎาคม โทรศัพท์มือถือของตนโดนตัดสัญญาณ จึงโทรศัพท์สอบถามทางบริษัท ทรูมูฟ ทราบว่า ได้มีบุคคลมาขอซิมใหม่แต่เบอร์เดิมที่ศูนย์บริการทรูมูฟภายในห้างสรรพสินค้า เมกะ บางนา ตนจึงเดินทางไปสอบถามที่ห้างสรรพสินค้าดังกล่าว ทราบว่า คนร้ายอ้างทำกระเป๋าเงินและโทรศัพท์หาย พร้อมใช้เอกสารสำเนาบัตรประชาชนที่ทำการปลอมแปลง โดยเอาใบหน้าของคนร้ายแปะทับซ้อนรูปตน ส่วนเลขบัตรประชาชน 13 หลัก เป็นเลขของตนอย่างถูกต้อง จากนั้นเมื่อตรวจเช็กเงินในบัญชี ทราบว่า หายไป 986,700 บาท เมื่อโทรศัพท์ไปสอบทาง call center ของธนาคารกสิกรไทย ทางธนาคารแจ้งว่ามีบุคคลโทรศัพท์มาเพื่อทำการขอเปลี่ยนรหัส K-Cyber จากการตรวจสอบพบว่า มีการกดเงินไปจำนวน 20 กว่าครั้ง ครั้งละ 50,000 - 60,000 บาท โดยครั้งแรกที่ห้างสรรพสินค้าโลตัสบางนา และครั้งสุดท้ายที่จังหวัดเพชรบุรี
นายพันธ์สุธี กล่าวต่อว่า ตนได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองอยุธยา และประสานไปยัง ธนาคารกสิกรไทย และศูนย์บริการทรูมูฟ แต่ยังไม่ได้รับความคืบหน้า วันนี้จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานมาร้องทุกข์ และคาดว่า กลุ่มคนร้ายทำเป็นกระบวนการ มีไม่ต่ำกว่า 5 คน ทั้งนี้ อยากให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ระมัดระวังการแสดงบัตรประชาชนต่อมิจฉาชีพที่แฝงตัวมาให้ลักษณะลูกค้า
ร.ต.อ.พงศกร กล่าวว่า เบื้องต้นสอบปากคำผู้เสียหายไว้พร้อมเก็บเอกสารพยานหลักฐานส่งต่อให้ฝ่ายสืบสวน ก่อนที่จะรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วจะประสานไปยัง สภ.เมืองอยุธยา หากสืบทราบผู้กระทำผิดจะเชิญตัวมาสอบปากคำ หากพบผู้กระทำผิดก็จะนำตัวดำเนินคดีต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เลขบัญชีปลายทางที่เงินผู้เสียหายโอนเข้าทั้งหมดชื่อ นายสุรีไกร อนุมาตย์ อายุ 30 ปี บ้านเลขที่ 49 ม.12 ต.หลุมรัง อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี
ส่วน นายสยาม เทืองผล อายุ 19 ปี บ้านเลขที่ 68 ม.7 ต.อ่างทอง อ.เมือง จ.ราชบุรี เป็นผู้มาติดต่อขอซิมที่ศูนย์บริการทรูมูฟ