พระนครศรีอยุธยา - ผบก.อยุธยา พร้อมกำลังตำรวจ คุมตัว 6 ผู้ต้องหาร่วมกันกระทำความผิดในคดีลักทรัพย์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตมาแถลงข่าวหลังจับกุมตัวได้ พร้อมแถลงโชว์ผลงานหลังผนึกกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 800 นาย จู่โจมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายตามแผนปฏิบัติการประชารัฐร่วมใจ อโยธยาร่มเย็น ได้ผู้ต้องหาค้ายาเสพติดรายใหญ่ 11 ราย และผู้เสพอีก 83 ราย
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (25 ส.ค.) พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยนายตำรวจระดับรอง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมกลุ่มผู้กระทำผิดคดีลักทรัพย์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต หรือ K Cyber Banking โดยได้นำตัวผู้ต้องมีทั้งหมด 6 ราย มาแถลงข่าวด้วย
พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า คดีดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากเงินของ นายพันธ์สุธี มีลือกิจ ได้หายไปจากบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาพระนครศรีอยุธยา กว่า 986,700 บาท โดยคนร้ายทำทีเป็นลูกค้านำข้อมูลปลอมสำเนาบัตรประชาชนไม่ยื่นขอเปลี่ยนซิมการ์ดโทรศัพท์ไปใช้ประกอบในการถอนเงินออกจากธนาคารผ่านอินเทอร์เน็ต แบงกิ้ง ซึ่งเป็นเหตุน่าสนใจของประชาชน และธนาคารกสิกรไทย ได้จ่ายเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่ผู้เสียหายไปเรียบร้อยแล้ว
ล่าสุด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สามารถจับกลุ่มผู้กระทำความผิดได้รวม 6 ราย ได้แก่ 1.นายเอกพจน์ หรือเบิ้ล รัตนากร อายุ 29 ปี 2.นายพัฒนรสพงษ์ หรือต้อม ก้านสนธิ์ อายุ 33 ปี 3.นายสยาม หรืออุ้ม เทืองผล อายุ 18 ปี 4.นายสุริไกร หรือต้น อนุมาตย์ อายุ 30 ปี 5.นายวิศรุต หรือเบส ศุภนาค อายุ 18 ปี และ 6.นายไน (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ซึ่งทั้งหมดเป็นแก๊งจากจังหวัดราชบุรี พร้อมตรวจยึดของกลางประกอบด้วย รถยนต์กระบะ จำนวน 1 คัน โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง โดยแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันลักทรัพย์ ร่วมกันปลอม และใช้เอกสารราชการปลอม ผู้ต้องหาบางรายมีคดีเก่าในลักษณะเดียวกันอีกด้วยโดยการปลอมแปลงเอกสาร
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เคยกระทำผิดในคดีอื่นในลักษณะคล้ายกันในหลายพื้นที่ โดยแบ่งหน้าที่แต่ละคนทำทีติดต่อสั่งซื้อสินค้าอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ผ่านเฟซบุ๊กเพื่อต้องการเอาข้อมูลของผู้เสียหายเกี่ยวกับเลขบัญชีธนาคาร เลขบัตรประจำตัวประชาชน วัน เดือน ปีเกิด รวมทั้งหมายเลขโทรศัพท์ และหลอกลวงไปสมัครบริการอินเทอร์เน็ต แบงกิ้งเพื่อทำรายการโอนเงินผ่านอินเทอร์เน็ตจนผู้เสียหายหลงเชื่อ จากนั้นจะสวมรอยเป็นผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารพรรคพวกที่เตรียมไว้ และไปทำการถอนเงินตามสถานที่ต่างๆ และนำเงินมาแบ่งกัน โดยทราบว่า กระทำความผิดมาแล้ว 9 ครั้ง รวมความเสียหายประมาณ 3,215,030 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพันธ์สุธี มีลือกิจ ผู้เสียหายได้เดินทางมาดูการแถลงข่าวการจับกุมครั้งนี้ด้วยตนเอง พร้อมกับมอบกระเช้าดอกไม้ขอบคุณการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สามารถจับกุมคนร้ายได้ อีกทั้งขอบคุณธนาคารที่มอบเงินคืน และฝากถึงประชาชนให้ระมัดระวังเกี่ยวกับการใช้บัตรประชาชนเพื่อทำธุรกรรมต่างๆ เลข 13 หลัก วัน เดือน ปีเกิด ไม่เช่นนั้นอาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ
พร้อมกันนี้ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ยังได้แลถงผลจากการปฏิบัติการจู่โจมปราบปรามยาเสพติด ตามแผนปฏิบัติการประชารัฐร่วมใจ อโยธยาร่มเย็น ระหว่างวันที่ 23-24 สิงหาคมที่ผ่านมาด้วยว่า หลังจากได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 800 นาย จู่โจมพื้นที่ 16 อำเภอ ตามแผนปฏิบัติการประชารัฐร่วมใจ อโยธยาร่มเย็น เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ค้ารายใหญ่ได้ 11 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ 10 ราย จากการตรวจค้น 260 เป้าหมาย พบผู้เสพ 83 ราย เป็นยาบ้าเกือบ 2 พันเม็ด ยาไอซ์ 24.5 กรัม กัญชา 60 กรัม และกระท่อม 3.8 กรัม นำส่งดำเนินคดีตามกฎหมายเพื่อกำจัดขบวนการยาเสพติกให้หมดไปจากพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาต่อไป