xs
xsm
sm
md
lg

พ่อค้าประดับยนต์ประท้วงกลางถนนหน้า สตช. ร้องแบงก์กสิกร-ค่ายมือถือรับผิดชอบให้ข้อมูลโจร สูญเงินร่วมล้านบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - พ่อค้าประดับยนต์ประท้วงกลางถนนหน้า สตช.เรียกร้องแบงก์กสิกรไทย-ค่ายมือถือรับผิดชอบชดใช้เงินกรณีถูกมิจฉาชีพปลอมข้อมูลเปลี่ยนซิมการ์ดมือถือ ก่อนโอนเงินโมบายแบงกิ้งเกลี้ยงบัญชีร่วม 1 ล้านบาท เผยมีประชาชนตกเป็นเหยื่อกว่า 6 ราย



วันนี้ (19 ส.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายพันธุ์สุธี มีลือกิจ อายุ 28 ปี ชาว จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าของร้านประดับยนต์ และครอบครัว ได้นั่งประท้วงบนถนนพระราม 1 หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเรียกร้องให้ธนาคารกสิกรไทยใช้เงินที่สูญเสียไปจากกรณีถูกมิจฉาชีพใช้วิธีการติดต่อขอเปลี่ยนซิมโทรศัพท์มือถือที่ร้านทรูช้อป จากนั้นโทรศัพท์เปลี่ยนรหัสแอปพลิเคชัน K-Mobile Banking ก่อนโอนเงินทั้งหมดในบัญชีธนาคารจำนวน 986,700 บาท โดยมี พ.ต.อ.ธวัชศักดิ์ โปตระนันทน์ รอง ผบก.อก.สทส.ในฐานะนายตำรวจเวรอำนวยการเป็นผู้รับเรื่อง

นายพันธุ์สุธีกล่าวว่า อยากเรียกร้องเรื่องธนาคารกสิกรไทย และบริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น เนื่องจากมีคนร้ายไปหลอกขอรหัสผ่านแอปพลิเคชัน K-Mobile Banking โอนเงินจากบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขากรุงศรีอยุธยา ไปจนหมดบัญชี โดยคนร้ายทำทีไปแจ้งทางทรูว่าซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือหายต้องการขอซิมใหม่ โดยใช้สำเนาบัตรประชาชนปลอมที่ทำขึ้นมาโดยข้อมูลในบัตรเป็นของตนแต่ภาพเป็นของคนร้าย ปกติแล้วการขอซิมการ์ดใหม่ของทรูจะต้องใช้บัตรประชาชนจริงเท่านั้น แต่ไม่ทราบว่าทางทรูทำซิมการ์ดใหม่ให้คนร้ายได้อย่างไร และตั้งแต่วันเกิดเหตุทางทรูไม่เคยติดต่อหรือแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด หลังเกิดเรื่องตนเป็นผู้ดำเนินเรื่องเองทั้งหมด จากนั้นเมื่อคนร้ายได้ซิมการ์ดใหม่ก็โทร.ไปขอรหัสผ่าน K-Mobile Banking กับคอลเซ็นเตอร์โดยใช้ข้อมูลในบัตรประชาชนของตน เมื่อได้รหัสมาคนร้ายก็โอนเงินออกจากบัญชีไปจนหมดรวมทั้งสิ้น จำนวน 986,700 บาท เหลือเงินในบัญชีเพียง 58 บาท

“สำหรับธนาคารกสิกรไทยนั้น ผมใช้บริการธนาคารนี้มานานกว่า 5 ปี เพราะเชื่อว่าธนาคารนี้มีความมั่นคงและปลอดภัย แต่กลับต้องมาหมดตัวเพราะกรณีนี้ แต่เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ทางธนาคารได้ติดต่อกลับมาหาผมว่าสามารถชดใช้ได้เพียง 33% จากความเสียหายเท่านั้น ส่วนที่เหลือให้ได้ส่วนที่เหลือไปให้ตามเอาเองกับทรู และคนร้าย” นายพันธุ์สุธีกล่าว และว่าโดยขณะนี้ตนได้ไปแจ้งความเอาไว้แล้วที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค. 2559 วันเกิดเหตุ แต่ตำรวจแจ้งว่าไม่สามารถดำเนินคดีได้เพราะถือว่าทางธนาคารเป็นผู้เสียหาย แต่ทางธนาคารกับทรูไม่ได้ให้ความช่วยเหลือแต่อย่างใด ทำให้ตนต้องเป็นคนสืบหาข้อมูลของคนร้ายเองจนขณะนี้ได้ภาพใบหน้าของคนร้าย ภาพเจ้าของบัญชีรับโอนเงินของตน และภาพจากกล้องวงจรปิดที่ทรูช้อปขณะกำลังติดต่อขอซิมการ์ดใหม่

นายพันธุ์สุธีกล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่ากรณีของตนไม่ใช่ครั้งแรก เพราะมีผู้โดนคนร้ายกลุ่มนี้ถอนเงินออกจนหมดธนาคารมาแล้วกว่า 6 ราย แต่บางรายกลับได้รับความช่วยเหลือจากธนาคารอย่างเต็มที่เพราะผู้เสียหายดังกล่าวเป็นน้องของตำรวจ แต่ตนกลับไม่ได้รับการดูแลเนื่องจากเป็นเพียงพ่อค้าธรรมดาคนหนึ่ง ตนจึงจำเป็นต้องออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมด้วยวิธีดังกล่าว เพราะหมดสิ้นหนทางในการตามเงินคืนแล้วในตอนนี้

ขณะที่ ธนาคารกสิกรไทย ได้ออกคำชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า 1. จากจำนวนเงินที่ลูกค้าถูกคนร้ายถอนไป เนื่องจากคนร้ายได้ข้อมูลจากลูกค้าไปทำทุจริต ธนาคารเสนอความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาภาระของลูกค้าครึ่งหนึ่งของจำนวนเงินที่ถูกทุจริต และจะช่วยลูกค้าอย่างเต็มที่ในการติดตามตัวคนร้าย 2. ลูกค้ามั่นใจได้ว่าระบบของธนาคารมีความปลอดภัย เนื่องจากเรามีการ verify ตัวตนลูกค้าก่อนให้บริการทุกครั้ง ทั้งนี้ทางธนาคารขอแนะนำว่า ลูกค้าควรเก็บข้อมูลส่วนตัวไว้เป็นความลับ เพื่อความปลอดภัยในการใช้บริการ รวมถึงธนาคารจะดำเนินการในการติดต่อผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือในด้านการ verify ตัวตนลูกค้าในการออก sim ใหม่ให้มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุในการเกิด fraud รับ OTP ในการโอนเงินในครั้งนี้





กำลังโหลดความคิดเห็น