MGR Online - ศาลฎีกายืนยกฟ้อง “เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง” อดีต ส.ว. จัดรายการโทรทัศน์ปี 53 ตอนของเถื่อน ภาษีเถื่อน พาดพิง “คิงเพาเวอร์” ศาลชี้เป็นการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริต และทำหน้าที่สื่อมวลชน ตั้งข้อสงสัยรักษาผลประโยชน์รัฐ
วันนี้ (3 ส.ค.) ที่ห้องพิจารณา 709 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.1822/2554 ที่บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัดโดยนายรัฎฐาปกรณ์ ทับปั้น ผู้รับมอบอำนาจเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ผู้ดำเนินรายการวิเคราะห์ข่าวชื่อดังและอดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เป็นจำเลย ในความผิดฐาน ดูหมิ่นด้วยการโฆษณา และหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328, 332
ตามฟ้องโจทก์ระบุว่า เมื่อวันที่ 10 ก.พ. 2553 เวลากลางคืน จำเลยในฐานะผู้ดำเนินรายการ “ลงเอย อย่างไร” ได้ดูหมิ่นโจทก์ด้วยการโฆษณาและหมิ่นประมาทโจทก์โดยการโฆษณา ในการจัดรายการตอน “ของเถื่อน ภาษีเถื่อน” ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 ซึ่งทำให้โจทก์เสียหายแก่ธุรกิจว่าเป็นบริษัทขายสินค้าเถื่อนหนีภาษีเถื่อนให้แก่บุคคลทั่วไป เป็นบริษัทไม่ดี ฉ้อโกงภาษีอากรของรัฐบาล
โดยศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2556 ให้ยกฟ้อง เนื่องจากชั้นพิจารณามีหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอยืนยันถึงการทดลองสั่งซื้อสุรา ไวน์ และแชมเปญจำนวนหลายลังจากบุคคลหนึ่งโดยไม่ต้องมีหนังสือเดินทางและตั๋วเครื่องบิน ซึ่งสินค้าทั้งหมดถูกใส่อยู่บรรจุภัณฑ์ที่มีชื่อบริษัทของโจทก์ติดอยู่ที่ถุงและมีผู้นำมาส่งให้ถึงที่บ้าน จึงเชื่อว่าสามารถสั่งซื้อสินค้าปลอดศุลกากรจากบริษัทโจทก์ได้จริง เป็นการพิสูจน์ได้ว่าคำพูดที่จำเลยกล่าวในรายการเป็นเรื่องจริง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 330 การกระทำของจำเลยจึงไม่ความผิดฐานหมิ่นประมาท
ต่อมาบริษัท คิง เพาเวอร์ฯ โจทก์ยื่นอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์มีคำตัดสินเมื่อวันที่ 9 พ.ค. 2558 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรมซึ่งบุคคลหรือสิ่งใด อันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำได้ จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทฯ
ขณะที่โจทก์ยื่นฎีกา โดยวันนี้นายเจิมศักดิ์ จำเลยเดินทางมาศาลโดยมีไม้เท้าพยุงตัวเนื่องจากมีอาการปวดหลัง เพื่อมาฟังคำพิพากษาพร้อมทนาย
โดยศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลยในการจัดรายการ เป็นการตั้งคำถามตั้งข้อสงสัยกับ รมว.คลังในรายการ เป็นการวิพากษ์วิจารณ์ในฐานะสื่อมวลชน โดยสุจริต ที่วิญญูชนคนทั่วไปก็สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ และขณะที่การตั้งข้อสงสัยนั้นจำเลยก็ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการ บ.การท่าอากาศยานฯ ถือว่าได้ทำหน้าที่เป็นหูเป็นตาให้แก่สังคมเพื่อช่วยตรวจสอบการทุจริตเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานรัฐเพื่อรักษาผลประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ การกระทำดังกล่าวจึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษายืนให้ยกฟ้อง
ภายหลังศาลฎีกามีคำพิพากษายกฟ้อง นายเจิมศักดิ์ผู้ดำเนินรายการวิเคราะห์ข่าวชื่อดังกล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ศาลพิพากษายกฟ้อง ตนทำหน้าที่ในฐานะสื่อมวลชนโดยการพูดในรายการเป็นการกล่าวในภาพรวมเพื่อให้ รมว.คลังดูแลมาตรการบุหรี่และสุราเถื่อนที่แอบลักลอบนำเข้ามาในประเทศ ทั้งนี้ไม่คิดจะฟ้องกลับ เพราะได้ต่อสู้คดีมายาวนานแล้ว แต่อยากให้บริษัทเอกชนช่วยปรับปรุงการทำงานในส่วนที่เป็นปัญหา ส่วนรัฐก็ควรตรวจสอบการลักลอบขนส่งสินค้าหนีภาษีให้เข้มข้น ขณะที่ตนยังคงจะปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบในฐานะสื่อมวลชนต่อไป