MGR Online - กลุ่มลูกศิษย์ธรรมกายยื่นหนังสือทวงความคืบหน้าคดี “พุทธะอิสระ-ไพบูลย์” ต้องข้อหากบฏปี 56 ก่อนเดินทางกลับไม่รอฟังชี้แจงจากดีเอสไอ ด้าน “พ.ต.ท.สมบูรณ์” ยันไม่ทำงานซ้ำซ้อนและไม่เลือกปฏิบัติ
วันนี้ (28 มิ.ย.) เวลา 14.00 น. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายพัฐจักร เทพษร ที่ปรึกษากฎหมายคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย พร้อมกลุ่มศิษยานุศิษย์ประมาณ 200 คน เดินทางเข้ายื่นหนังสือเพื่อทวงถามการดำเนินคดีต่อนายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และพระสุวิทย์ หรือ พระพุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม หลังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีกบฎจากการวมชุมนุมของกลุ่ม กปปส.เมื่อปี 2556 ในคดีพิเศษที่ 261/2556 โดยมี พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ ดีเอสไอ เป็นผู้รับเรื่อง
นายพัฐจักรกล่าวว่า คณะศิษยานุศิษย์มาเพื่อสอบถามความคืบหน้าในคดีกบฏ คือ 1. นายไพบูลย์ ผู้ต้องหาในข้อหาสนับสนุนการเป็นกบฏมีสถานภาพทางคดี คือ อัยการเห็นควรสั่งฟ้อง แต่ผู้ต้องหายังไม่เข้ารับทราบข้อกล่าวหา และดีเอสไอยังไม่ได้นำตัวส่งพนักงานอัยการจริงหรือไม่ 2. ถ้าจริง นายไพบูลย์ได้พบเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเพื่อกล่าวหาและเร่งรัดคดีของพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายที่ดีเอสไอหลายครั้ง ทำไมพนักงานสอบสวนจึงไม่นำตัวนายไพบูลย์มารับทราบข้อกล่าวหาเพื่อนำคดีขึ้นสู่ศาล 3. พฤติการณ์ดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่
นายพัฐจักรกล่าวอีกว่า 4. เอกสารแถลงข่าวของดีเอสไอ เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา กล่าวว่า ดีเอสไอได้สอบสวนดำเนินคดีต่อบุคคลดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้วเป็นข้อความอันเป็นเท็จหรือไม่ เพราะหากนายไพบูลย์ยังไม่ได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาและพนักงานสอบสวนยังไม่ได้นำตัวนายไพบูลย์ส่งมอบให้อัยการ ดีเอสไอจึงยังสอบสวนนายไพบูลย์ไม่เสร็จสิ้นใช่หรือไม่ 5. หากดีเอสไอไปแจ้งความดำเนินคดีอาญาต่อนายองอาจ ธรรมนิทรา โฆษกศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยเหตุผลหลักฐานอันเป็นเท็จ ดีเอสไอจะมีความผิดฐานแจ้งความเท็จหรือไม่ และ 6. สถานภาพทางคดีของพระพุทธะอิสระอยู่ในขั้นตอนใด ดีเอสไอได้ประสานการทำงานกับอัยการหรือไม่ จะส่งฟ้องต่อศาลอาญาได้เมื่อใด และคดีดังกล่าวติดขัดอยู่ในขั้นตอนใด เพื่อที่คณะศิษยานุศิษย์จะได้เร่งรัดติดตามต่อไป
ต่อมา พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ชลภัทร ปานสกุล รอง ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการสืบสวนอาชญากรรมพิเศษ และ พ.ต.ต.วรณัน ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงประเด็นต่างๆ หลังคณะศิษยานุศิษย์มายื่นเรื่องร้องเรียนดังกล่าว
พ.ต.ท.สมบูรณ์เปิดเผยว่า คณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย มายื่นหนังสื่อถึงดีเอสไอเพื่อสอบถามใน 3 ประเด็น ประกอบด้วย 1. ดีเอสไอดำเนินคดีซ้ำซ้อน 2. เลือกปฏิบัติ 3. วัดพระธรรมกายคืนเงินให้กับสมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น จำกัด
“โดยดีเอสไอไม่ได้ทำการซ้ำซ้อนกัน และไม่เลือกทำคดี รวมถึงไม่เลือกปฏิบัติ เพราะเป็นคดีความผิดที่ร่วมกันยักยอกทรัพย์ ซึ่งเป็นคดีที่ 146/2556 เมื่อดีเอสไอส่งสำนวนให้กับอัยการแล้ว จากนั้นทางอัยการจึงมีหนังสือให้ดีเอสไอสอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งการตรวจสอบเช็คจำนวน 878 ฉบับ และสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องทุกคน รวมถึงพระธัมมชโยด้วยเป็นการสอบในฐานะพยาน ต่อมาสมาชิกสหกรณ์ได้ยื่นเรื่องเพิ่มเติมว่านายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตฯ มีการฉ้อโกงประชาชน และดีเอสไอได้ดำเนินการสอบสวนกระทั่งพบว่านายศุภชัยนำเงินไปไว้ที่ไหน และถูกแจ้งข้อหารับของโจร และข้อหาฟอกเงินซึ่งเป็นคดีที่ 63/2557 ส่วนคดีที่ 27/2559 เป็นคดีสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร มีผู้ต้องหา 5 ราย โดยมีพระธัมมชโยรวมอยู่ด้วย” พ.ต.ท.สมบูรณ์กล่าว
ด้าน พ.ต.ท.ชลภัทรกล่าวว่า สำหรับคดีของนายไพบูลย์ และพระพุทธะอิสระ ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีพิเศษที่ 261/2556 กรณีชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2556 นั้น คดีนี้พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา 51 คน รวมถึงนายไพบูลย์ และพระพุทธะอิสระด้วย โดยส่งสำนวนให้อัยการไปเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2557 หลังจากนั้นพนักงานอัยการได้มีความเห็นสั่งฟ้องทั้งนายไพบูลย์ และพระพุทธะอิสระ โดยดีเอสไอก็ได้ดำเนินการตามที่อัยการสั่ง และออกหมายจับพระพุทธะอิสระ เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีพร้อมส่งให้อัยการแล้ว ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการได้รับการประกันตัวในชั้นพนักงานอัยการ
พ.ต.ท.ชลภัทรกล่าวอีกว่า กรณีของนายไพบูลย์ พนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องก่อนนำเรื่องส่งให้อัยการดำเนินการฟ้อง แต่ได้ส่งกลับมาเพื่อให้สอบสวนเพิ่มเติมจึงยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาในตอนนี้ เพราะทางกลุ่มผู้ต้องหาได้ไปร้องอัยการและมีหลักฐานให้สอบเพิ่มเติมอีก ปัจจุบันพนักงานสอบสวนได้สอบเพิ่มเติมเสร็จสิ้นเกือบหมดแล้ว แต่ยังมีบางประเด็นที่อยู่ระหว่างดำเนินการ
ขณะที่ พ.ต.ต.วรณันกล่าวว่า หลังจากดีเอสไอได้แจ้งความดำเนินคดีต่อนายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย และมีกระแสข่าวว่านายองอาจจะเดินทางยื่นหนังสือที่ดีเอสไอ แต่ปรากฏว่านายองอาจไม่ได้เดินทางมา มีเพียงกลุ่มศิษยานุศิษย์และทนายเดินทางมายื่นหนังสือเท่านั้น ประมาณ 200 คน และตั้งข้อสังเกตว่าหนังสือที่วัดพระธรรมกายนำมายื่นในวันนี้จัดทำที่ไหนกันแน่ เพราะในหัวหนังสือระบุว่าจัดทำที่จังหวัดปัตตานี แต่ในเนื้อหาระบุเป็นวัดพระธรรมกาย จึงไม่แน่ใจว่าจัดทำที่ไหนกันแน่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายพัฐจักรยื่นหนังสือให้ พ.ต.ต.วรณัน เสร็จเรียบร้อย ทางดีเอสไอจึงได้เชิญ นายพัฐจักรเข้าร่วมรับฟังการชี้แจงที่ดีเอสไอได้เตรียมห้องแถลงไว้ แต่ปรากฏว่านายพัฐจักรได้ขอให้ดีเอสไอชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร พร้อมทั้งขอกลับไปปรึกษาตัวแทนกลุ่มศิษยานุศิษย์ก่อนว่าใครจะเป็นตัวแทนเข้าร่วมรับการชี้แจงของดีเอสไอ กระทั่งได้เวลาแถลงข่าว กลุ่มทนายความและศิษยานุศิษย์ไม่ประสงค์จะเข้าร่วมรับฟังการชี้แจง และเดินทางกลับไปทันที