อธิบดีDSIเมิน "ธัมมชโย" ติดต่อมอบตัว รอขอจริงทีเดียว เผยสำนวนงวดเข้ามา ส่วนทนายความวัดปากน้ำยันคุยคดี 3 ฝ่าย เชื่อวันที่ 14 มิ.ย.ได้ข้อยุติ โฆษกคณะศิษวัดพระธรรมกายบอกไม่ทราบ ขณะที่ "ไพบูลย์ นิติตะวัน" แฉซ้ำ "ธัมมชโย-วัดธรรมกาย" ยังคืนเงินสหกรณ์ไม่หมด
กรณีนายสมศักดิ์ โตรักษา ทนายความวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ในฐานะตัวแทนผู้ประสานงานเจรจาให้พระธัมมชโย ออกมาระบุว่าพระธัมมชโยจะเข้ามอบตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เมื่อวานนี้ (12 มิ.ย.) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงว่า ดีเอสไอไม่ทราบเรื่องดังกล่าว ไม่ได้มีการประสานหรือส่งสัญญาณแต่อย่างใด ที่พระธัมมชโยจะมอบตัวกับพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ซึ่งดีเอสไอก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับคำพูดจากบุคคลใด เพราะที่ผ่านมาก็มีหลายสิ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าถึงแม้จะมีการทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรว่าจะเข้ามอบตัว ระบุเวลานัดหมาย สถานที่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เป็นตามนั้น ดังนั้นดีเอสไอก็ยังคงเดินหน้าทำสำนวนการสอบสวนต่อไป ส่วนการมอบตัวพระธัมมชโยจะมอบตัววันไหน หรือไม่ อย่างไร ดีเอสไอไม่ได้สนใจ ตอนนี้การสอบสวนในคดีฟอกเงินและรับของโจรก็ใกล้สรุปสำนวน ทั้งนี้ในการประชุมเจรจาหารือ 3 ฝ่าย ที่วัดเขียนเขต จ.ปุทมธานี ในวันที่ 14 มิถุนายน เวลา 14.00 น. ก็เป็นหน้าที่ของคณะทำงาน
“จะมาหรือไม่มาก็ไม่ได้มีผลต่อการทำสำนวนคดี ทุกอย่างไม่มีการหยุดนิ่งทำไปเรื่อย สำนวนเสร็จก็ส่งอัยการ ประเด็นมีแค่นี้" พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เชื่อหรือไม่ว่าพระธัมมชโยจะเข้ามอบตัวตามที่นายสมศักดิ์ออกมาระบุ พร้อมยืนยันอย่างไรก็ต้องรอดู
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายสมศักดิ์ระบุว่า การประชุมในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ เวลา 14.00 น. ที่วัดเขียนเขตพระอารามหลวง เป็นการประชุมครั้งสุดท้าย และต้องได้ข้อยุติ ว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไปซึ่งขั้นตอนเบื้องต้น ทางฝ่ายวัดพระธรรมกาย จะต้องประชุมสรุปและส่งเอกสารมาก่อนเที่ยง วันที่ 14 มิถุนายน 2559 เพื่อที่ตนเองจะนำเอกสารดังกล่าวเข้าที่ประชุม 3 ฝ่าย เพื่อหารือ ก่อนทำบันทึกข้อตกลง แล้วส่งเอกสารผลการประชุม 3 ฝ่าย ให้พระธัมมชโยรับทราบ หากพระธัมมชโย ตกลงก็ทำเป็นเอกสารตอบรับกลับมา ก่อนจะมีการพูดคุยถึงขั้นตอนว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งเชื่อว่า คดีความจะมีความราบรื่นและเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่าย และยืนยัน ว่าไม่กังวลในการรับหน้าที่เป็นคนกลางการเจราจรในครั้งนี้
ด้านนายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์ วัดพระรรมกาย ระบุเพียงสั้นๆ ว่า ในส่วนของทางวัดยังไม่ทราบความเคลื่อนไหวหรือมีการประชุมใดๆ
วันเดียวกัน นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตสมาชิกสภาฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เปิดเผยกับ “เดลินิวส์ออนไลน์” ถึงกรณีเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ฉ้อโกงประชาชนมาเข้าบัญชีพระธัมมชโย เป็นเช็ค 16 ฉบับ จำนวน 860 ล้านบาท เข้าบัญชีวัดพระธรรมกาย 9 ฉบับ เป็นเงิน 600 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 1,460 ล้านบาท ดังนั้นการที่ทางศิษย์ของพระธัมชชโยบอกว่า เอาเงินไปให้สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ครั้งแรก 684 ล้านบาท ครั้งที่สอง 370 ล้าน รวมเป็นเงิน 1,054 ล้านบาทเท่านั้น ยังเหลือเงินอีก 400 ล้านบาท ที่ยังไม่ได้ให้สหกรณ์ฯ ฉะนั้นต้องตามเงินคืนอีก 400 ล้านบาทให้กับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น
นอกจากนี้ ยังมีเงินเครือข่ายใกล้ชิดพระธัมมชโยที่รับจากสหกรณ์ฯอีก 4,000-5,000 ล้านบาท ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ และ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ต้องตามมาคืนให้กับสมาชิกสหกรณ์ฯให้มากที่สุด เพื่อบรรเทาความเสียหายของประชาชน ดังนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ศิษย์วัดพระธรรมกาย สมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น รวมทั้งสังคมที่ติดตามเรื่องคดีนี้ด้วยความห่วงใย ควรรับรู้ข้อเท็จจริง ไม่ควรถูกบิดเบือนโดยกลุ่มคณะลูกศิษย์ที่ออกมาบิดเบือนว่าจ่ายคืนหมดแล้ว
“ผมเชื่อว่าพระธัมมชโยไม่ยอมมอบตัว และแนวโน้มอาจจะต้องหลบหนี แต่ถ้าหลบหนีไม่ได้ และไม่มอบตัว แนวโน้มอาจจะถูกจับกุมตัวได้ เหตุที่ไม่มอบตัวเพราะถ้าดูจากรูปคดี หลักฐานต่าง ๆในครั้งนี้ พระธัมมชโย น่าจะหลุดรอดจากการกระบวนการยุติธรรมไม่ได้ เพราะคดีแตกต่างจากปี 42 ทั้งสถานการณ์ ทั้งเรื่องที่เกิดขึ้น และทั้งบริบททั้งหมด จึงเชื่อว่าวันที่ 14 มิ.ย.59 คงไม่สามารถมีข้อยุติใดๆ ทั้งสิ้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคงจะเข้าไปจับกุมตัว แต่เมื่อเข้าไปจะพบตัวพระธัมมชโยหรือไม่ สังคมคงจะรู้กันเมื่อถึงเวลา” นายไพบูลย์กล่าว.
กรณีนายสมศักดิ์ โตรักษา ทนายความวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ในฐานะตัวแทนผู้ประสานงานเจรจาให้พระธัมมชโย ออกมาระบุว่าพระธัมมชโยจะเข้ามอบตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เมื่อวานนี้ (12 มิ.ย.) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงว่า ดีเอสไอไม่ทราบเรื่องดังกล่าว ไม่ได้มีการประสานหรือส่งสัญญาณแต่อย่างใด ที่พระธัมมชโยจะมอบตัวกับพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ซึ่งดีเอสไอก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับคำพูดจากบุคคลใด เพราะที่ผ่านมาก็มีหลายสิ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าถึงแม้จะมีการทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรว่าจะเข้ามอบตัว ระบุเวลานัดหมาย สถานที่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เป็นตามนั้น ดังนั้นดีเอสไอก็ยังคงเดินหน้าทำสำนวนการสอบสวนต่อไป ส่วนการมอบตัวพระธัมมชโยจะมอบตัววันไหน หรือไม่ อย่างไร ดีเอสไอไม่ได้สนใจ ตอนนี้การสอบสวนในคดีฟอกเงินและรับของโจรก็ใกล้สรุปสำนวน ทั้งนี้ในการประชุมเจรจาหารือ 3 ฝ่าย ที่วัดเขียนเขต จ.ปุทมธานี ในวันที่ 14 มิถุนายน เวลา 14.00 น. ก็เป็นหน้าที่ของคณะทำงาน
“จะมาหรือไม่มาก็ไม่ได้มีผลต่อการทำสำนวนคดี ทุกอย่างไม่มีการหยุดนิ่งทำไปเรื่อย สำนวนเสร็จก็ส่งอัยการ ประเด็นมีแค่นี้" พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เชื่อหรือไม่ว่าพระธัมมชโยจะเข้ามอบตัวตามที่นายสมศักดิ์ออกมาระบุ พร้อมยืนยันอย่างไรก็ต้องรอดู
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายสมศักดิ์ระบุว่า การประชุมในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ เวลา 14.00 น. ที่วัดเขียนเขตพระอารามหลวง เป็นการประชุมครั้งสุดท้าย และต้องได้ข้อยุติ ว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไปซึ่งขั้นตอนเบื้องต้น ทางฝ่ายวัดพระธรรมกาย จะต้องประชุมสรุปและส่งเอกสารมาก่อนเที่ยง วันที่ 14 มิถุนายน 2559 เพื่อที่ตนเองจะนำเอกสารดังกล่าวเข้าที่ประชุม 3 ฝ่าย เพื่อหารือ ก่อนทำบันทึกข้อตกลง แล้วส่งเอกสารผลการประชุม 3 ฝ่าย ให้พระธัมมชโยรับทราบ หากพระธัมมชโย ตกลงก็ทำเป็นเอกสารตอบรับกลับมา ก่อนจะมีการพูดคุยถึงขั้นตอนว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งเชื่อว่า คดีความจะมีความราบรื่นและเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่าย และยืนยัน ว่าไม่กังวลในการรับหน้าที่เป็นคนกลางการเจราจรในครั้งนี้
ด้านนายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์ วัดพระรรมกาย ระบุเพียงสั้นๆ ว่า ในส่วนของทางวัดยังไม่ทราบความเคลื่อนไหวหรือมีการประชุมใดๆ
วันเดียวกัน นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตสมาชิกสภาฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เปิดเผยกับ “เดลินิวส์ออนไลน์” ถึงกรณีเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ฉ้อโกงประชาชนมาเข้าบัญชีพระธัมมชโย เป็นเช็ค 16 ฉบับ จำนวน 860 ล้านบาท เข้าบัญชีวัดพระธรรมกาย 9 ฉบับ เป็นเงิน 600 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 1,460 ล้านบาท ดังนั้นการที่ทางศิษย์ของพระธัมชชโยบอกว่า เอาเงินไปให้สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ครั้งแรก 684 ล้านบาท ครั้งที่สอง 370 ล้าน รวมเป็นเงิน 1,054 ล้านบาทเท่านั้น ยังเหลือเงินอีก 400 ล้านบาท ที่ยังไม่ได้ให้สหกรณ์ฯ ฉะนั้นต้องตามเงินคืนอีก 400 ล้านบาทให้กับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น
นอกจากนี้ ยังมีเงินเครือข่ายใกล้ชิดพระธัมมชโยที่รับจากสหกรณ์ฯอีก 4,000-5,000 ล้านบาท ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ และ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ต้องตามมาคืนให้กับสมาชิกสหกรณ์ฯให้มากที่สุด เพื่อบรรเทาความเสียหายของประชาชน ดังนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ศิษย์วัดพระธรรมกาย สมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น รวมทั้งสังคมที่ติดตามเรื่องคดีนี้ด้วยความห่วงใย ควรรับรู้ข้อเท็จจริง ไม่ควรถูกบิดเบือนโดยกลุ่มคณะลูกศิษย์ที่ออกมาบิดเบือนว่าจ่ายคืนหมดแล้ว
“ผมเชื่อว่าพระธัมมชโยไม่ยอมมอบตัว และแนวโน้มอาจจะต้องหลบหนี แต่ถ้าหลบหนีไม่ได้ และไม่มอบตัว แนวโน้มอาจจะถูกจับกุมตัวได้ เหตุที่ไม่มอบตัวเพราะถ้าดูจากรูปคดี หลักฐานต่าง ๆในครั้งนี้ พระธัมมชโย น่าจะหลุดรอดจากการกระบวนการยุติธรรมไม่ได้ เพราะคดีแตกต่างจากปี 42 ทั้งสถานการณ์ ทั้งเรื่องที่เกิดขึ้น และทั้งบริบททั้งหมด จึงเชื่อว่าวันที่ 14 มิ.ย.59 คงไม่สามารถมีข้อยุติใดๆ ทั้งสิ้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคงจะเข้าไปจับกุมตัว แต่เมื่อเข้าไปจะพบตัวพระธัมมชโยหรือไม่ สังคมคงจะรู้กันเมื่อถึงเวลา” นายไพบูลย์กล่าว.