xs
xsm
sm
md
lg

ข้อมูลใหม่คดีฟอกเงิน “อายัดทรัพย์” หมัดน็อก “ธัมมชโย” !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา




คดีรับของโจรและร่วมกันฟอกเงินที่ พระเทพญาณมหามุณี หรือ ธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ตกเป็นผู้ต้องหาเริ่มเห็นแง่มุมและการเคลื่อนไหวใหม่ให้ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการหาช่องทางใหม่ทางกฎหมายเพื่อดำเนินการกับผู้ต้องหารายนี้ นอกเหนือจากความพยายามในการจับกุมตัวมาดำเนินคดี

สังเกตจากการให้สัมภาษณ์ล่าสุดวันที่ 21 มิถุนายน ของ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระบุว่า “ฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้เชิญคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.)มาคุยกันแล้ว ซึ่งถือเป็นขั้นตอนต้องเสนอ ปปง. อยู่แล้ว”

ขณะเดียวกัน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ยังเปิดเผยอีกว่า “ได้หารือกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ(สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะและผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แล้วว่าให้ช่วยลงมาดูแลตรงนี้ด้วย”

ส่วนในด้านคดีทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่รับผิดชอบคดีของ ธัมมชโยโดยตรงก็มีการเปิดเผยหลักฐานใหม่ให้ทราบว่ามีการตรวจสอบพบเช็คของสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น สั่งจ่ายให้กับธัมมชโยอีก 7 ฉบับ วงเงิน 400 ล้านบาท รวมเช็ค 27 ฉบับ มียอดเงินประมาณเกือบ 1500 ล้านบาท ซึ่งนี่คือหลักฐานใหม่ที่เพิ่งตรวจพบ และ พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ย้ำว่า มีหลักฐานเพียงพอสำหรับดำเนินคดีฐานฟอกเงิน แต่ในรายละเอียดยังไม่อาจเปิดเผยได้ เนื่องจากเป็นเรื่องในสำนวนคดี ขณะเดียวกัน ยังต้องรอผลสรุปของพนักงานอัยการในวันที่ 13 กรกฎาคม นี้ ว่า จะมีการสั่งฟ้องหรือไม่อีกด้วย

แม้ว่าตามขั้นตอนแล้วต้องรอการสั่งคดีของพนักงานอัยการในวันที่ 13 กรกฎาคม เสียก่อนว่าจะออกมาอย่างไรจะฟ้องหรือไม่ฟ้อง หลังจากได้รับสำนวนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปพิจารณา แต่ขณะเดียวกัน มันก็เริ่มจับอาการบางอย่างได้ชัดเจนขึ้นว่ากำลังหาช่องทางกฎหมายใหม่ เพื่อจัดการเอาผิดกับ ธัมมชโย กับพวกเพิ่มเติม ซึ่งเท่าที่เห็นก็คือ การขยับในการ “อายัดทรัพย์สิน” ของ วัดพระธรรมกาย และทรัพย์สินของ ธัมมชโย รวมไปถึงพระบางรูปในวัดที่มีชื่อในการรับเช็คจาก สหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น ที่ล่าสุด มีการตรวจสอบพบเพิ่มเติมอีก 7 ฉบับ วงเงินประมาณ 400 ล้านบาท เพราะเริ่มมีการส่งเรื่องและประชุมร่วมกับ ปปง. แล้ว

หากว่าไปแล้ววิธีการสำหรับ “อายัดทรัพย์สิน” ของ วัดพระธรรมกาย และ ธัมมชโย ถือว่าเป็นการเคลื่อนไหวใหม่ ภายใต้ “ข้อมูลใหม่” ที่น่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งการอายัดทรัพย์สินหากเกิดขึ้นจริงมันก็เหมือนกับการตัดแข้งขาของ ธัมมชโย จนดิ้นไม่ออก แม้ว่าพวกเขาจะรู้ตัวล่วงหน้าอาจมีการยักย้ายถ่ายเทไปให้คนใกล้ชิดถือแทน แต่เมื่ออยู่ในอำนาจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ที่มีอำนาจในการตรวจสอบเส้นทางการเมืองแบบทะลุทะลวงจากสถาบันการเงินได้ตามกฎหมาย อีกทั้งการขอความร่วมมือจาก ปปง.ในเรื่องเส้นทางการเงินดังกล่าวน่าจะถือว่าเป็น “ไม้เด็ด” ที่นำมาใช้อีกทางหนึ่ง

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่ต้องทำควบคู่กัน ก็คือ การขอความร่วมมือจากรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ ที่กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ให้เรียกผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาให้มาร่วม “จัดการ” บางอย่าง ซึ่งแน่นอนว่า พศ. ย่อมต้องเชื่อมโยงกับคณะกรรมการมหาเถระสมาคม ที่เป็นองค์กรปกครองคณะสงฆ์ ซึ่งที่ผ่านมาทั้งสองหน่วยงานหลังถูกมองว่า “วางเฉย” อ้างว่า เป็นเรื่องคดีความ ไม่เกี่ยวกับการปกครองของคณะสงฆ์ แต่จากนี้ไปองค์กรปกครองทางสงฆ์ต้องถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้องโดยตรงด้วย

นี่ยังไม่นับกรณีที่จะต้องมีการตรวจสอบเรื่องในรับรองแพทย์ของ พระธัมมชโย ว่า มีการออกให้โดยถูกต้องหรือไม่ ทุกอย่างเหมือนกับว่ากำลังบีบเข้ามาเรื่อย ๆ โดยเฉพาะกระแสสังคมที่เริ่มกดดันทั้งสองฝ่ายคือฝ่ายดีเอสไอและทางฝ่ายผู้ต้องหา คือ ธัมมชโย แต่ในเวลานี้น้ำหนักของแรงกดดันน่าจะเทมาทางฝ่ายหลังมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะถูกมองว่า “ทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย” กำลังใช้มวลชนที่เป็นสาวกมาปกป้องความผิดของตัวเอง และกลายเป็นว่า ด้วยพฤติกรรมแห่งคดีที่เป็นอยู่ เขา (ธัมมชโย) น่าจะหมดสิทธิ์ต่อรองเรื่องการประกันตัวเนื่องจากเลยขั้นตอนไปแล้ว

ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากความเคลื่อนไหวล่าสุดของทางฝ่ายกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กำลังส่งข้อมูลไปให้กับทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อช่วยตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดพระธรรมกาย และของ ธัมมชโย อาจนำมาซึ่งการสั่งอายัดทรัพย์สินเอาไว้ก่อน มันก็เหมือนเป็นการตัดแข้งขา หรืออย่างน้อยนี่คือ การต่อรองแบบเป็นนัยให้เห็นว่าหากยังทำดื้อแพ่งอยู่แบบนี้ต่อไปก็จะต้องเจอกับมาตรการทางกฎหมายอื่น ๆ ที่เหนือความคาดหมายอื่นๆอีกก็ได้ !!
กำลังโหลดความคิดเห็น