MGR Online - ตำรวจกองปราบฯ รวบมือปืนบัญชีดำหมายจับอันดับ 1 จ.นครศรีธรรมราช เผยวีรกรรมโชกชนก่อคดีฆ่าหลายศพ ซ้ำเมื่อปี 2541 ศาลพิพากษาประหารชีวิตหลบหนีระหว่างได้ประกันตัว ก่อนหนีเข้ากรุงเทพฯ มากบดานย่านลาดกระบัง
วันนี้ (23 มิ.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.00 น. พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รักษาการ ผบก.ป. พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. พ.ต.ท.ศันสนะ พิริยะจิตตะ สว.กก.5 บก.ป.แถลงผลจับกุม นายไชยยันต์ หรือสายันห์ อินทรวิจิตร อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 123 หมู่ 1 ต.บ้านแดน อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ มือปืนตามบัญชีดำอันดับ 1 ของตำรวจภูธร จ.นครศรีธรรมราช ตามหมายจับศาลจังหวัดทุ่งสง ที่ 534/2544 ลงวันที่ 24 สิงหาคม 2544 และหมายจับศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ 77/2559 ลงวันที่ 14 มีนาคม 2559 ในข้อหาหลบหนีหมายศาลในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีและพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร และร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน จับกุมได้ที่บริเวณซอยศรีอยู่ ถนนทับยาว แขวงทับยาว เขตลาดกระบัง กทม.
พล.ต.ต.ชาญกล่าวว่า เมื่อปี 2541 ผู้ต้องหาซึ่งมีพฤติการณ์เป็นมือปืนรับจ้างและมีความใกล้ชิดกับนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่ง ได้ร่วมกับพวกอีก 2 คนก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงนายหิรัญ ทองจีนสังข์ เสียชีวิต เหตุเกิดในพื้นที่ อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ภายหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่าปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นของผู้ใหญ่นัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ดังกล่าว เมื่อสอบปากคำแล้วได้ให้การซัดทอดผู้ต้องหา จึงมีการรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาไว้ กระทั่งเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมผู้ต้องหาไว้ได้ ต่อมาศาลได้มีคำพิพากษาลงโทษประหารชีวิต แต่ผู้ต้องหาหลบหนีไปในระหว่างที่ได้รับการประกันตัว
พล.ต.ต.ชาญกล่าวต่อว่า จากนั้นเมื่อปี 2553 ผู้ต้องหารายนี้ยังได้ร่วมกับพวก 3 คน ก่อเหตุใช้อาวุธปืนดักซุ่มยิงนายสุริยะ หรือจ๊ะเอ๋ มุขวัฒน์ เสียชีวิตที่บ้านพักในพื้นที่ อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช โดยมีการใช้อาวุธปืนหลายชนิด ทั้งปืนเล็กยาว 33, ปืนลูกซอง และปืนพกขนาด .357 ซึ่งมูลเหตุในการสังหารมาจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างนายสิทธิชัย อินทรวิจิตร ลูกชายของผู้ต้องหากับผู้เสียชีวิต โดยคดีนี้ศาลได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาไว้แต่ผู้ต้องหาอยู่ระหว่างหลบหนีการจับกุม ต่อมาเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2558 ผู้ต้องหาได้ขับรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ทอง ไม่ติดป้ายทะเบียน แล้วใช้อาวุธปืนยาวติดลำกล้อง ขนาด .22 ยิงใส่เบ้าตานายสมพร มุขวัฒน์ จนเสียชีวิตขณะนั่งดื่มกาแฟอยู่ที่ร้านค้าริมถนนลานสกา-ไม้หลา อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นการฆ่าล้างแค้นกันเนื่องจากเชื่อว่าผู้เสียชีวิตกับพวกได้ร่วมกันก่อเหตุยิงลูกชายของผู้ต้องหา
ด้าน พ.ต.อ.ภูมินทร์กล่าวว่า ภายหลังชุดสืบสวน กก.5 บก.ป.สืบทราบว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีคดีมากบดานอยู่ในพื้นที่ย่านลาดกระบัง กทม.จึงวางแผนสืบสวน โดยเฝ้าติดตามกระทั่งพบตัวผู้ต้องหารายนี้ขณะกำลังขับรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ ทะเบียน 2 ณ 1008 กรุงเทพมหานคร อยู่ภายในซอยศรีอยู่ แขวงทับยาว เขตลาดกระบัง จึงเข้าสกัดจับ แต่ผู้ต้องหาขัดขืนและพยายามจะหลบหนีการจับกุม แต่ก็ไปไม่รอดจนมุมเจ้าหน้าที่ในที่สุด
สอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีที่ถูกกล่าวหาแม้แต่สักคดีเดียว โดยก่อนหน้านี้ได้หันมาประกอบธุรกิจรับเหมาขนขยะอยู่ในพื้นที่เขตลาดกระบัง กทม. กระทั่งมาถูกจับกุมตัวดังกล่าว อย่างไรก็ตาม แนวทางการสืบสวนพบว่าผู้ต้องหารายนี้มีประวัติก่อคดีมาอย่างโชกโชน รวมทั้งมีพฤติการณ์ซ่องสุมมือปืนใช้อาวุธสงครามในการก่อเหตุ จนถูกขึ้นบัญชีดำเป็นมือปืนที่ จ.นครศรีธรรมราช ต้องการตัวมากที่สุด อีกด้วย
นอกจากนี้ พ.ต.อ.ภูมินทร์ได้มอบหมายให้ ร.ต.อ.ณธัชพงศ์ สินสิริยานนท์ สว.กก.5 บก.ป.นำกำลังเข้าจับกุม นายอารมณ์ หรือบอย อ้นบุตร อายุ 32 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดพังงา ที่ ส.186/2548 ลงวันที่ 29 ฤศจิกายน 2548 ข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 33/69 หมู่ 8 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต ภายหลังผู้ต้องหาได้ก่อเหตุใช้ปืนลูกซองสั้นยิงนายสมชาย จำรูญกิจ อายุ 35 ปี และนายธีรชัย ใจเย็น อายุ 35 ปี ได้รับบาดเจ็บที่ขา เหตุเกิดบริเวณวัดทับปุด ต.บ่อแสน อ.ทับปุด จ.พังงา เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2548 แล้วหลบหนีคดีดังกล่าว