แฉนายพล “48 ล้าน”นักลงทุนรายใหญ่สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจนครบาล อดีตเคยเป็น “ผบ.น.1”พื้นที่เกรด A + แบ่ง 3 บัญชีพ่อ - แม่ -ลูก ล่อดอกเดือนละ 1.5 แสน ส่วน “ขาใหญ่”ระดับ สตช.ผันเงินเข้าสหกรณ์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ...ตะลึงตึ้งตึง !!??..ระดับ “บิ๊กตำรวจ” รหัส 19 -25 เกษียณฯไปนับสิบปีก็ยังทำมาหารับทานกับลูกน้องอย่างเหนียวแน่น
หลักนิติธรรม (Rule of Law) หมายถึงหลักการปกครองที่บุคคลทั้งหลาย สถาบันและหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นสาธารณะหรือเอกชนรวมไปถึงรัฐ ความรับผิดชอบทางกฏหมายที่ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการทั่วไปมีการบังคับใช้อย่างเสมอกันและสอดคล้องกับธรรมเนียม มาตรฐานของสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ หลักดังกล่าวนี้จะต้องมีมาตรการเพื่อเป็นการประกันความเคารพและปฏิบัติต่อหลักการความสูงสุดของกฎหมาย ความเท่าเทียมกันทางกฎหมาย มีความโปร่งใสและยุติธรรมในการใช้กฎหมาย การแบ่งแยกอำนาจ การมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจ ความชัดเจนแน่นอนทางกฎหมาย หลีกเลี่ยงการเลือกปฏิบัติ.......สวัสดีครับสัปดาห์นี้มาพร้อมสายฝนอันชุ่มฉ่ำพร้อมเหตุบ้านการเมืองโดยเฉพาะแวดวงสีกากีนำมารายงานท่านผู้อ่านกันตามปกติ
00000.....ถามไถ่กันเซ็งแซ่ใครกันหนอ..หอบเงิน 48 ล้านไปลงทุนในสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจนครบาล...ส่วนใหญ่เดากันถูก...ก่อนเปิดประเด็นกันต่อไป “บิ๊กเกรียน” ต้องนั่งยันยืนยันว่ามิได้มีเจตนาทำลาย - หาเรื่องให้วงการตำรวจเสียหาย เพียงแต่ “มุมมอง”ผสมกับ “ข้อมูล”ถ้าไม่รื้อค้น-เสาะหาทุกสิ่ง-อย่างก็จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น....เจตนาของสหกรณ์ทั่วไปชื่อมันก็บอกให้เน้นกันเรื่อง “ออมทรัพย์”แต่ในความเป็นจริง “คนออม” มันมีส่วนหนึ่งซึ่งเป็นส่วนน้อยกว่า แต่ที่น่างงงวยก็คือบรรดานายตำรวจระดับ “นายพล”ทั้งในและนอกราชการท่านร่ำรวยมาแต่ไหน....ใกละเข้าไปอีกนิด “อดีต ผบก.น.1”ระดมทุนถอนจากธนาคารแบ่งเป็น 3 บัญชีของตัว กับลูก-เมีย กินดอกเบี้ยเนอะๆปีละ 1.8 ล้าน หรือเดือนละ 1.5 แสนบาท....ก็แค่สงสัยทำอะไรมาจึงรวยนักรวยหนาพออธิบายกับสังคมได้ไหม....นี่ยังมีอีกหลายพระหน่อลดหลั่นลงมารายละ 10 ล้าน 20 ล้านเช่น 2 นายพลคนดังเลข 19 และ 25 นับสิบฝาก “กินดอก-ออกผล”นานกว่า 10 ปีหมายความว่านี่คือ “เงินเย็น”ส่วนที่เหลือทั้งบ้าน ที่ดิน พระเครื่องเรื่องสะสมไม่ปาเข้าไปเป็น 100 ล้านกันหรือ
00000.....จะฝาก ปปช.ในยุค “บิ๊กกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ก็น่าหนักใจแทน เพราะ “เป้าหมาย”คือบรรดาตำรวจทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง....ทำชอบสิ่งใดมาวานบอก.....นายพลตำรวจทั้งในอดีตและปัจจุบันอาจจะเกินกว่า 100 ที่สมควรถูกตรวจสอบ....ถ้าขัดข้องเรื่องข้อกฎหมาย ต้องมีคนร้องกันเสียก่อนพร้อมมีหลักฐานที่ส่อ หรือเชื่อว่า ปปช.จึงเข้าดำเนินการ...แบบนี้รอชาติหน้าตอนบ่ายๆไม่มีแมวหน้าไหนจะแส่แกว่งเกือกหาเสี้ยน....ฝากแม่น้ำ 5 สายในยุคคืนความสุข - ยุคที่ชอบคุยว่าถ้าไม่ทำตอนนี้จะทำตอนไหน....แน่จริง -จริงใจ ต้องแก้-เสริมเพิ่มเติมความแข็งแกร่งให้ ปปช.พร้อมกำหนดเป็นอำนาจ-หน้าที่ต้องทำ ต้องตรวจสอบ “ปปช.ไม่ทำเจอ 157” ฐานละเว้น.....ตำรวจที่เคยผ่านงานระดับ ผกก. - ผบก.-ผบช. -รองผบ.ตร. และ ผบ.ตร. จะต้องถูกตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินอย่างเข้มข้นทั้งในระหว่างรับราชการ และตอนออกจากราชการ....แบบนี้กล้าไหมล่ะ
00000.....ไม่เพียงสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจนครบาล ยังมีสหกรณ์ออมทรัพย์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ....อดีตนายตำรวจระดับ รองผบ.ตร.บางคน ผู้ช่วยผบ.ตร.บางคน “รวยโคตรรวย”มีเงินหลายสิบล้านมาลงทุน “กินดอก”ลูกน้อง...ซื้อปืน -ซื้อรถ -ซื้อบ้าน ก่อนปล่อยให้กู้ทำทีเรียกว่าถาม เรียกมาต่อรองแต่เชื่อเหอะอยากปล่อยกู้ใจจะขาด.....กู้ง่าย กู้สะดวกต้องสหกรณ์ตำรวจ...ถึงเวลาสิ้นเดือนกองการเงินหัก ณ ที่จ่าย หลายคนติดหนี้สินรุงรัง โอดครวญกันขนาดเปิดเทอมต้องมีค่าใช้จ่ายแต่สหกรณ์ฯก็ไม่ผ่อนผัน....นี่แหละชีวิตตำรวจชั้นผู้น้อย...ร้องขอความเห็นใจเจ้านายบางคนด่ากลับ “เผือก”ไม่ดูหนังหน้าตัวเอง...”บิ๊กเกรียน”ไม่แสดงความเห็นแต่ “ฟันธง”วงการสีกากีเป็นวงการเดียวที่ใช้ระบบ “ลูกน้องเลี้ยงนาย” แถมเจ้านายยังตามมา “แ-ก”ดอก หาประโยชน์กับตาดำๆจนกว่าจะตายจากกันไปข้าง
00000....ยุคข้าราชการเป็นใหญ่ ไม่น่าเชื่อยังมีระบบ “มือใครยาวสาวได้สาวเอา” ขออนุญาตแสดงความเห็น “ขัดใจ”ใครก็ตามที่เห็นดีเห็นงามกับ “อาชีพที่สอง” ของคนในเครื่องแบบ....เป็นข่าวสรรเสริญเยินยอมากที่สุดก็คือข้าราชการตำรวจใช้เวลาว่างไปทำมาค้าขาย “บิ๊กเกรียน”ขอมองต่างแบบ 360 องศา คือไม่เห็นด้วย และนั่นคือการเอาเปรียบสังคม เผลออาจจะเข้าข่ายใช้อำนาจหน้าที่ หรือคอรัปชันเวลาทำงานกันเลย...โจทก์แรกเอาเบาๆก่อนสำหรับข้าราชการที่ใช้เวลาว่างไปทำมาค้าขาย...ถามว่าท่านได้ใช้เส้นสาย-คอนเนกชั่นไปส่งเสริมกิจการด้วยหรือไม่....ถามว่าเวลาทำงานเริ่ม 08 น. เลิก 17 น.ถ้าทำกันอย่างเต็มที่ สุดความสามารถให้สมกับภาษีที่ชาวบ้านเขาถูกเก็บไปท่านมีเรี่ยวแรงไปทำอะไรได้อีก...เหมือนพนักงานบริษัท ใครหน้าไหนก็ได้ถ้ารับเงินเดือนจากบริษัทนี้แล้วยังไปรับจ๊อบ หรือแว่บไปค้าขายส่วนตัว บริษัทฯห้างร้านนั้นๆเขาคงทนคุณไหว....ถามว่านานมาแล้วบริษัท รปภ. หลายแห่ง เจ้าของกิจการรถตู้ หลายแห่ง มีทั้งนายพลตำรวจ - นายพันตำรวจ เป็นเจ้าของกิจการ....ช่วยตอบให้ชื่นใจหน่อยว่าท่านไม่เคยใช้อำนาจหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการทำมาหากินในกิจการของท่าน...
00000.....ประสาคนแก่ที่ชอบมองต่าง “บิ๊กเกรียน”ไม่สนับสนุนให้มีอาชีพที่ 2 สำหรับข้าราชการทุกๆคน...ตัวอย่างเจ๋งๆคือคุณสิริการย์ โภคินธนันท์รัฐ ปลัดอำเภอเจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ ฝ่ายทะเบียนฯจ.สมุทรสาคร โด่งดังไปทั้งประเทศเมื่อผันตัวเป็นแม่ค้าขายอาหาร -ล็อตเตอรี่อยู่บริเวณหน้าที่ทำการ...ข่าวบอกว่าเหตุต้องมาหารายได้เสริมก็เพราะเจ๊งจากกิจการเล้งอาหารทะเล ทุกวันนี้ต้องตื่นตี 4 เมื่อจัดร้านเสร็จให้สามีเป็นคนขาย เวลาว่างจะลงมาช่วยอีกแรงโดยได้รับความกรุณาจากผู้บังคับบัญชาให้นำสินค้ามาขายหน้าอำเภอได้....สื่อพากันประโคมข่าวพาดหัว “ปลัดอำเภอหญิงสู้ชีวิต”เป็นที่สรรเสริญกันไปทั่ว....อื่มมมม....ตกลงมันเข้าท่า-มันถูกต้องจริงหรือ !!??....สำหรับ “บิ๊กเกรียน”แล้วต้องออกตัวแรงๆอีกครั้งว่าสังคมไทยชักจะเพี้ยนไปกันใหญ่แล้ว.....คุณน้องเป็นข้าราชการ มีเงินเดือน มีสวัสดิการ เหตุผลเรื่องทำล้งอาหารทะเลเจ๊งแล้วมายึดพื้นที่สาธารณะขายของถ้าเป็นลุงแม้ ป้ามี ไอ้ป๋อง อีแป๋งมันจะทำได้ไหม....ประชาชนไม่หิว ไม่กินข้าว ไม่อยากสร้างความร่ำรวยหรือ....ค่านิยมแบบนี้นับวันยิ่งแพร่หลายกลายเป็นแฟชั่น....
00000.....ขอยกตัวอย่างให้เห็นกันชัดๆอีกซักเรื่อง...สมมุติใครก็ไม่รู้ย้ายมาเป็น “ผู้การ -ผู้กำกับ”ในจังหวัดที่มีโรงงานอุตสาหกรรมเยอะๆ เช่นชลบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ปทุมธานี สระแก้ว พระนครศรีอยุธยา ท่านผู้การ ท่านผู้กำกับแอบไปเปิดบริษัทยาม แล้วมาของานจากโรงงานในพื้นที่ มีใครกล้าปฏิเสธไหม!!??....สมัยหนึ่งตำรวจสายนักเลงเรียกพี่ มีชื่อเป็นหุ้นลมสถานบริการต่างๆ ผับ บาร์ คาราโอเกะ ยันวินรถตู้รถมอเตอร์ไซด์....เรื่องแบบนี้แหละที่เป็นต้นตอของปัญหา...เป็นต้นเหตุของการทุจริตในรูปแบบต่างๆทั้งใช้อำนาจหน้าที่ และโกงเวลาทำงาน...ดังนั้นเมื่อท่านสมัครใจเข้ามาเป็นข้าของแผ่นดิน จงทำหน้าที่ในอาชีพนี้อย่างสุดความสามารถ...หากเห็นว่ามีปัญหา ไม่พอกินขอแนะนำว่าให้เปลี่ยนไปทำอาชีพอื่นเพราะยังมีคนอยากเข้ามาเป็นข้าราชการของแผ่นดินอย่างแท้จริงอีกมากมาย...หยุดเอาเปรียบรัฐ-เอาเปรียบราษฎร์กันเสียที
00000.....ทะแม่งๆซะแล้ว... โครงการปืนสวัสดิการข้าราชการตำรวจ สมัยพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง เป็นผบ.ตร. 25 ก.ย.2558 เซ็นสัญญากับตัวแทนบริษัทค้าปืนซิกซาวเออร์ประเทศไทย 152,468 กระบอก มูลค่าเกือบ 4 พันล้าน หลังจากตะริดติ๊ดชึ่งกันอยู่หลายเดือนล่าสุดเว็บเพจซิกซาวเออร์ ลงภาพ “สม YES”นั่งพูดคุยกับฝรั่งผมแดงอ้างเป็นตัวแทนจากโรงงานใหญ่มายืนยันว่าได้ปืนแน่ๆ ไม่เกินปลายเดือน ก.ค.หรือไม่กี่อึดใจที่จะถึงนี้ แถมด้วยหนังสือส่งตรงมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประทับรับไว้เมื่อ 7 มิ.ย.2559.....อ่านข้อความหัวอกคนสั่งจองแล้วขำไม่ออก....สงสัยทำไมตัวแทนบริษัทปืนไม่ไปพบ “บิ๊กแป๊ะ”พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.คนปัจจุบัน...บางคนบอกถูกคนไม่สั่งซื้อเยาะเย้ยมาหลายเดือนแล้วหวังว่าคงไม่ถูกโกงนะ !!??....ถาม “บิ๊กเกรียน”ตอบแทนได้ว่า 50/50 ไงเขาก็ไม่โกงหรอก ถ้าไม่ได้ปืนเงิน 23,890 เขาคืนแน่ๆแต่ไม่มีดอกเบี้ย และไม่รู้คนสุดท้ายจะจบตอนไหน...ที่เขาบอกไว้ว่า “ไม่มีของดีราคาถูก ไม่มีของฟรีในโลก” เชื่อๆไว้บ้างก็ดี…อ้อ..เกือบลืม.. ค่าปืนสวัสดิการมีใครกู้มาจากสหกรณ์ฯหรือเปล่า...ต้องจ่ายดอกเดือนละเท่าไหร่ล่ะ...อิอิอิอิ...เชื่อ “บิ๊กเกรียน”เต๊อะ.. เสร็จทั้งขึ้นทั้งล่อง !!??
00000.....จะเรียกว่าทุกข์คนรวยก็ไม่ผิด....ยกเป็นกรณีศึกษาสำหรับคนชอบขับรถหรู...เหตุเกิดสน.บางโพงพาง เมื่อมีเจ้าทุกข์เข้าไปแจ้งความขอให้ดำเนินการกับคู่กรณีรายหนึ่งในข้อหาฉ้อโกง...รายละเอียดมีอยู่ว่าผู้เสียหายสมมุติชื่อ น.ส. ก. ซื้อรถเบนซ์ป้ายแดงจาก นาง ข.ในราคา 2.5 ล้านทั้งที่ราคาขายในท้องตลาดอยู่ที่ 3.9 ล้าน อาจเป็นเพราะเมื่อกลายเป็นรถมือสองถึงจะป้ายแดงราคาก็ต้องลดหรือเจตนาใดก็แล้วแต่ น.ส.ก. เห็นว่าราคาถูกจึงทำสัญญาซื้อ-ขายโดยตกลงจ่ายเงินสดให้ก่อน 3.5 แสนบาทที่เหลือจะผ่อนชะระเป็นงวดผ่านไฟแนนซ์อีกเดือนละ 40,252 บาทจำนวน 52 งวด ต่อมาเมื่อทำสัญญาเรียบร้อยและผ่อนส่งไปแล้วประมาณ 2-3 งวดจึงติดต่อกับไฟแนนซ์จนพบความจริงว่ารถเบนซ์ป้ายแดงคันดังกล่าวเมื่อผ่อนครบแล้วยังต้องชำระอีก 1.5 ล้านบาทอันเป็นข้อสัญญาพิเศษระหว่างลูกค้าคนแรกคือ นาง ข.กับไฟแนนซ์เนื่องจากเป็นการเช่า-ซื้อโดยไม่จ่ายเงินดาวน์...จากราคา 2.5 ล้านพุ่งเป็น 4 ล้านบาทราคาสูงกว่าท้องตลาดทั่วไปเสียอีก.....กรณีนี้ถือเป็นตัวอย่างให้ผู้ประสงค์ซื้อรถหรูให้ดูสัญญากันดีๆ แต่ที่สำคัญเมื่อมีปัญหาขึ้นโรงพักกันแล้วพนักงานสอบสวนควรดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกง หรือให้ไปฟ้องร้องทางแพ่งกันเอง.....
”บิ๊กเกรียน”คนขับรถกระบะไม่มีอำนาจวาสนาขับรถหรูขอแนะ ร.ต.ท.ชัยภักดิ์ สมภัคดี ร้อยเวรฯเจ้าของคดี...พฤติกรรม นาง ข.น่าเชื่อว่าปิดบังข้อมูลสำคัญอันเป็นเหตุให้ นส.ก.เข้าใจผิดหรือไม่....พิจารณากันง่ายๆตรงนี้..ถ้าใช่จะให้เขาไปฟ้องร้องทางแพ่งกันเองได้ไง...ดำเนินการแจ้งข้อหาให้อัยการ - ศาล ท่านตัดสินผิด-ถูก...การใช้ดุลยพินิจคืออำนาจของท่านก็ถูกอยู่ แต่ใช้ผิดอาจเป็นเรื่องนะจะบอกให้