MGR Online - ผู้ค้า-วินรถตู้ตลาดวิกตอรี่อนุสาวรีย์ฯ แจ้งความกองปราบฯ ถูกกลุ่มอ้างเป็นผู้รับมอบอำนาจเจ้าของที่ไล่ที่-ข่มขู่ให้จ่ายค่าเช่าซึ่งเป็นเจ้าของเก่า แทนเจ้าของสัญญาเช่ารายใหม่ จนเป็นคดีทำร้ายร่างกาย
วันนี้ (31 พ.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.00 น. นายวรวิทย์ เกษมสุขจรัสแสง อายุ 60 ปี ตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบการรถตู้และร้านค้า ตลาดวิกตอรี่พลาซ่า ย่านอนุสาวรีชัยสมรภูมิ พร้อมผู้เสียหายกว่า 10 คน เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.วีระยุทธ ไชยสุระ รอง สว.(สอบสวน) กก.1บก.ป. เพื่อให้ตรวจสอบกลุ่มบุคคลที่อ้างว่าเป็นผู้รับมอบอำนาจจากเจ้าของที่ดินบริเวณตลาดวิกตอรี่ พลาซ่า เขตพญาไท กทม. เพราะหลังผู้เช่าที่ดินมาปล่อยให้ผู้ประกอบการเช่าช่วง เกิดปัญหาข้อพิพาทเรื่องการต่อสัญญาเช่ากับเจ้าของที่ดิน เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่าน
นายวรวิทย์กล่าวว่า สืบเนื่องจากตลาดวิกตอรี่พลาซ่าซึ่งตั้งอยู่บริเวณทางลงรถไฟฟ้า สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งเป็นของตระกูลพรประภา ได้ปล่อยที่ดินให้บุคคลอื่นเช่าเป็นเวลากว่า 10 ปี และได้มีการเปลี่ยนมือผู้เช่ามาหลายราย ปัจจุบันเจ้าของตลาดคือนายชายภาคิน คำชา อายุ 45 ปี ต่อมาเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้เกิดข้อพิพาทระหว่างเจ้าของที่ดินและเจ้าของตลาด โดยมีผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด และตระกูลพรประภา ได้นำป้ายประกาศมาติดว่าได้ครบกำหนดระยะเวลาการเช่า และได้บอกเลิกสัญญา โดยให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ขนย้ายทรัพย์สินออกไป แต่ความเป็นจริงกรณีดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลแพ่ง หมายเลขดำที่ 1352/2556 ระหว่างโจทก์ บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด พร้อมพวกอีก 6 คนกับ นายชายภาคิน จำเลย ในข้อหาผิดสัญญาเช่า ขับไล่ เรียกค่าเสียหาย นอกจากนี้ นายชายภาคินได้เป็นโจทก์ฟ้องร้องบริษัทดังกล่าว รวมทั้งนายเก่ง และนางตั๊ก ที่ศาลอาญาในข้อหาปลอมและใช้เอกสารปลอม ผิด พ.ร.บ.ทวงหนี้ และบุกรุกทั้งเวลากลางวันและกลางคืนทำให้เสียทรัพย์ซึ่งคดีดังกล่าวอยู่ในระหว่างการพิจารณา
นายวรวิทย์กล่าวอีกว่า กรณีที่เกิดขึ้นถือว่าเรื่องยังไม่ถึงสิ้นสุดอยู่ระหว่างการฟ้องร้องและพิจารณาในชั้นศาล หากเจ้าของที่ดินต้องการจะให้ทั้งหมดย้ายออกจากพื้นที่ก็ต้องคำพิพากษาของศาลมาเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ปรากฏว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวก็ได้เข้ามาเคลื่อนไหวในเชิงข่มขู่คุกคามกลุ่มผู้ประกอบการว่าหากไม่จ่ายค่าเช่าให้เจ้าของที่ดินโดยตรงจะมีการปิดพื้นที่และปรับเป็นเงินมูลค่าสูง จนเกิดความตึงเครียดกระทั่งมีคดีทำร้ายร่างกายกันไว้ที่ สน.พญาไท และถูกคุกคามเรื่อยมาจึงได้รวมตัวกันมาร้องทุกข์ต่อกองปราบปราม
ร.ต.อ.วีระยุทธกล่าวว่า ในเบื้องต้นได้รับเรื่องและสอบปากคำผู้ร้องไว้ก่อนจะตรวจสอบเอกสารหลักฐานและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากกรณีดังกล่าวโดยนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการตามขั้นตอนต่อไป