MGR Online - ตัวแทน 10 เครือข่ายพุทธยื่นหนังสือถึง รมว.ยุติธรรม หนุนสอบเบนซ์โบราณ “สมเด็จช่วง” เผยเป็นเรื่องถูกต้องที่ดำเนินคดี ไม่เลือกปฏิบัติ พระ-ประชาชนอยู่ภายใต้กฎหมาย วอนสร้างความเป็นธรรมและถูกต้องให้สังคม
วันนี้ (22 มี.ค.) เวลา 11.00 น. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นางบุษบา ตวงทอง, นางกัญจนชรัศม์ ศริญญาวัจน์ พร้อมด้วยตัวแทนเครือข่ายชาวพุทธ เดินทางมายื่นเอกสารต่อ พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีดีเอสไอ เพื่อขอสนับสนุนให้ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ดำเนินการตามกฎหมาย กรณีตรวจสอบรถเบนซ์โบราณ ขม 99 กรุงเทพมหานคร ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช
นางบุษบากล่าวว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวมีกลุ่มพระภิกษุที่อ้างว่าเป็นเครือข่ายพระธรรมจาริกแห่งประเทศไทย กลุ่มพระสงฆ์นักพัฒนาตามอุดมการณ์แผ่นดินธรรมแผ่นดินทองภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และกลุ่มพระสงฆ์เพื่อสันติภาพชายแดนใต้ ได้ออกแถลงการณ์กล่าวหา พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หลังออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน มีการก้าวร้าวต่อประมุขสงฆ์ ดูหมิ่นดูแคลนผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช จึงเรียกร้องให้รับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่งและให้บุคคลที่มีความเป็นผู้ใหญ่มีสัมมาคารวะต่อพระสงฆ์ทำหน้าที่แทน
นางบุษบากล่าวอีกว่า ทางเครือข่าย 10 เครือข่าย ประกอบด้วย เครือข่ายปกป้องพระธรรมวินัยแห่งประเทศไทย, เครือข่ายพิทักษ์ปกป้องพระพุทธศาสนา แห่งประเทศไทย, เครือข่ายนิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ไม่เอาลัทธิธรรมกาย, เครือข่ายจรรโลงพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย, ชมรมรักษ์พระธรรมวินัยในพระพุทธศาสนา, ชมรมพุทธบริษัทสี่ดำรงธรรม, ชมรมพิทักษ์พุทธศาสนา, ชมรมตามแนวชีวิตนี้น้อยนัก, ชมรมขอตามรอยพระสิทธัตถะ และชมรมรักษ์พุทธศาสนา เห็นว่าแถลงการณ์ของกลุ่มพระภิกษุดังกล่าวเป็นการบิดเบือนและใส่ความ รมว.ยุติธรรม เพราะจากการที่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนนั้นเป็นการให้เกียรติสมเด็จช่วงอย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็ได้ถูกทางฝ่ายกฎหมายวัดปากน้ำฯ ตำหนิไม่ได้ให้เกียรติและใช้วาจาไม่เหมาะสมแก่คณะเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ รวมทั้งทางฝ่ายกฎหมายวัดปากน้ำฯ ยังแถลงข่าวโดยใช้แง่มุมพลิกแพลงบิดเบือนกฎหมาย ทำให้ประชาชนอาจเข้าใจผิดในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ รมว.ยุติธรรม ก็ได้กล่าวห่วงใยสมเด็จช่วงว่าจะเสียหายจากการกระทำของคณะทนายความ
นางบุษบากล่าวเพิ่มว่า พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา มีคำสั่งให้ดีเอสไอดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายในกรณีดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว เพราะสอดคล้องกับความเห็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะ คสช. ที่ได้กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ เมื่อวันศุกร์ที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า “ทุกอย่างอยู่ภายใต้กฎหมายอันเดียวกัน เลือกปฏิบัติไม่ได้ ไม่ฉะนั้นอีกฝ่ายก็จะเอากฎหมายนี้มาเล่นงานพวกข้างนี้ ข้างนี้เอากฎหมายอีกอันมาข้างนี้จะทำยังไง กฎหมายสงฆ์ก็กฎหมายสงฆ์ กฎหมายฆราวาสก็กฎหมายฆราวาส แต่ทั้งพระ ฆราวาส อยู่ภายใต้กฎหมายรัฐ”
“ทั้งนี้ เครือข่ายภาคประชาชน 10 เครือข่ายจึงขอสนับสนุนและขอเป็นกำลังใจให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมดำเนินการตามแนวทางที่นายกรัฐมนตรีได้กล่าวไว้ คือ ให้ดีเอสไอดำเนินการตามกฎหมายต่อกรณี รถเบนซ์โบราณผิดกฎหมายของสมเด็จช่วง เพื่อเป็นการสร้างความเป็นธรรมและความถูกต้องให้ปรากฏแก่สังคมต่อไป” นางบุษบากล่าวทิ้งท้าย
