MGR Online - รมว.ยธ.เป็นระธานการประชุม ศอ.ปส. เผยภาครัฐมีหน้าที่รับผิดชอบตรงต่อ ปชช. แต่ละพื้นที่แบ่งการปฏิบัติเป็น 3 ระยะ เพื่อลดปัญหาจนถึง 3 ต.ค. 2560 ส่วนการดำเนินการ จนท.ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่ร้องเรียนเตรียมออกคำสั่งสอบทันที หากละเลยเตรียส่งเรื่องให้ คสช.ฟัน ย้ำไม่จำเป็นต้องใช้ ม.44 ประเทศไหนก็มีแต่ต้องไม่เป็นปัญหาระดับชาติ
วันนี้ (9 มี.ค.) เวลา 14.00 น. ห้องประชุม ชั้น 3 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ผอ.ศอ.ปส.) เป็นประธานการประชุม ศอ.ปส.ครั้งที่ 1/2559 โดยมีตัวแทนจากกระทรวงยุติธรรม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม สำนักนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานอิสระ ประมาณ 100 คน โดยใช้เวลาการประชุม 1 ชั่วโมงกว่า
สำหรับสาระสำคัญของการประชุมในครั้งนี้ คือ การพิจารณา “แผนประชารัฐร่วมใจ สร้างหมู่บ้านชุมชนมั่นคง ปลอดภัยยาเสพติด พ.ศ. 2559-2560” และ “มาตรการดำเนินการต่อเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือเจ้าหน้าที่รัฐที่ปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด”
พล.อ.ไพบูลย์เปิดเผยหลังการประชุมว่า วันนี้เป็นการประชุมใหญ่ครั้งแรกในปี 2559 ของ ศอ.ปส.เพื่อเร่งรัดกำหนดแผนให้เป็นไปตามห้วงเวลาที่ได้วางเอาไว้ โดยเฉพาะแผนประชารัฐร่วมใจ สร้างหมู่บ้านชุมชนมั่นคงฯ มีเป้าหมายลดและขจัดอิทธิพลของกลุ่มการค้ายาเสพติด รวมทั้งกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่เกิดความมั่นใจและเข้าร่วมในการแก้ไขปัญหายาเสพติดไปในทิศทางเดียวกันได้อย่างสอดคล้องผ่านกลไกประชารัฐ
พล.อ.ไพบูลย์กล่าวอีกว่า สำหรับหน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงร่วมกับภาคประชาชนในแต่ละพื้นที่ ซึ่งแบ่งการปฏิบัติออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 ระหว่าง เม.ย.-ก.ย. 59 เพื่อพัฒนารูปแบบและแก้ปัญหาพื้นที่ที่มีปัญหามาก ระยะที่ 2 ช่วง ต.ค. 59 - ก.ย. 60 ขยายผลลดสถานการณ์ปัญหาในหมู่บ้านหรือชุมชนทั่วประเทศ และ ระยะที่ 3 ต.ค. 60 เป็นต้นไป เป็นการปฏิบัติภารกิจอย่างต่อเนื่อง
“ส่วนการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดนั้น เป็นมาตรการหนึ่งในแผนประชารัฐร่วมใจ สร้างหมู่บ้านชุมชนมั่นคงฯ โดยที่ผ่านมาได้ดำเนินการเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดอยู่แล้ว แต่ตามแผนฯ กลไกประชารัฐ ได้เพิ่มมาตรการเอาผิด กรณีเกิดปัญหายาเสพติดในพื้นที่จากข้อร้องเรียนทั่วไปหรือจากข้อมูลของประชาชนในพื้นที่ โดย ผอ.ศอ.ปส.จะมีคำสั่งให้ส่วนราชการหรือหน่วยรับผิดชอบ ดำเนินการสืบสวนจับกุมและติดตามสถานการณ์ไม่ให้มีการค้ายาเสพติดในพื้นที่” รมว.ยธ.กล่าว
พล.อ.ไพบูลย์กล่าวเพิ่มเติมว่า หากพบว่าปัญหายาเสพติดในพื้นที่ยังคงมีอยู่และยังไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ ตามคำสั่ง ภายในระยะเวลา 30 วัน ตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งให้ถือว่าเจ้าหน้าที่รัฐที่รับผิดชอบพื้นที่ดังกล่าวปล่อยปละละเลยหรือเพิกเฉยต่อการปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ให้ ผอ.ศอ.ปส. เสนอต่อหัวหน้า คสช.พิจารณาสั่งการให้ย้ายเจ้าหน้าที่รัฐที่มีพฤติการณ์ดังกล่าวไปปฏิบัติหน้าที่อื่นแทน หรือให้ดำเนินการทางวินัยตามที่เห็นสมควร เพื่อเป็นการลดอีกหนึ่งอุปสรรคของการแก้ไขปัญหายาเสพติด
พล.อ.ไพบูลย์กล่าวปิดท้ายว่า การประชุมวันนี้เป็นการสรุปแผนใหญ่ก่อนเชิญ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มานั่งหัวโต๊ะเพื่อรับฟังแผนอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมทั้งได้กำหนดมาตรการลงโทษเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและสนับสนุนบุคคลที่ทำความดี โดยวางแผนให้ทำเชิงบวกก่อนจะดำเนินการลงโทษ แต่หากมีความจำเป็นก็อาจต้องใช้ ม.44 อย่างไรก็ตาม ไม่มีประเทศไหนกำจัดยาเสพติดหมดได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่ควรจะให้เป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติ
ด้านนายณรงค์ รัตนานุกูล เลขาธิการ ป.ป.ส.ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ส่วนของการพิจารณาในที่ประชุมวันนี้ ได้ให้ความเห็นชอบทั้ง 3 เรื่อง คือ 1. แผนประชารัฐร่วมใจ สร้างหมู่บ้านชุมชนมั่นคงฯ และจะนำเสนอแผนต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เพื่อผ่านความเห็นชอบ ก่อนเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติ และมอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบนำแผนไปปฏิบัติตามกรอบบทบาทภารกิจของแต่ละหน่วยงาน
นายณรงค์กล่าวต่อว่า 2. เห็นชอบเรื่องการมอบอำนาจให้ ผอ.ศอ.ปส.เสนอต่อหัวหน้า คสช.ในการดำเนินการต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ 3. ให้ความเห็นชอบดำเนิน 9 มาตรการสำคัญตามแผนประชารัฐร่วมใจ สร้างหมู่บ้านชุมชนมั่นคงฯ