”บิ๊กเกรียน” อึ้งกิมกี่....แฉขบวนการเซ็งลี้เก้าอี้สีกากีมาสุดแหวก เสนอเงินล้านซื้อตัวนักฟุตบอลเข้าทีมจังหวัดทางภาคเหนือ /วอนพี่น้องนักข่าว “ 5 มี.ค.”นกน้อยในไร่ส้มช่วยกันคนละนิด อดีตผู้ดำเนินรายการวิทยุ อสมท. “สืบจากข่าว” ป่วยหนักเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย สุดอนาถหมดที่พึ่งแค่อาศัยเงินประกันสังคมคนพิการเดือนละ 500 บาทประทังชีวิต
“อำนาจที่ปราศจากเหตุผลคืออำนาจคนพาล อำนาจที่ปราศจากเมตตาคืออำนาจที่มาจากความปราชัย”...สวัสดีครับพบกับกระผม “บิ๊กเกรียน”ตามเคย สัปดาห์นี้ 5 มีนาคมตรงกับวันนักข่าว รอบปีที่ผ่านมามีพิราบข่าว เหยี่ยวข่าว รวมทั้งบรรดากระจิบกระจอกข่าวเจอมรสุมสภาวะเศรษฐกิจตกสะเก็ด หลายสำนักต้องเชิญออกกลางคัน บางคนหารังใหม่ได้ บางคนกลายเป็นคนว่างงาน เฉพาะสายอาชญากรรม MGR ออนไลน์ยังเปิดรับสมัคร ใครมีความสามารถหรือต้องการความท้ายทายเชิญมาพิสูจน์ตัวเองได้ อัตราค่าจ้างจะหาว่าคุย ไม่น้อยกว่าสังกัดอื่นก็แล้วกัน
00000.....ประเดิมด้วยเรื่องราวชีวิตของคนมีอาชีพเดียวกันก่อน เป็นเพราะโทรศัพท์หาย “บิ๊กเกรียน”เลยติดต่อพรรคพวกเก่าๆ (แก่ๆ)ไม่ได้ ทราบข่าวพจน์ สุขเมือง นักข่าวอาชญากรรมรุ่นเก๋า และนักจัดรายการวิทยุคลื่น 100.5 “สืบจากข่าว” ป่วยเป็นมะเร็งที่กระดูกสันหลัง เพิ่งมีโอกาสได้พูดคุยกัน คำแรกน่าใจหาย “พี่ครับผมกำลังจะตาย” สนทนาสารทุกข์สุขดิบปรากฏว่าขณะนี้นอนรักษาตัวอยู่บ้านพี่สาว เดินเหินไม่ได้ ต้องสวมแพมเพิสรับหนัก-เบา คนเคยตะรอนหาข่าวต้องมา “เกยตื้น”หรือกลายเป็นมนุษย์ล้อในฉับพลันมันทำใจลำบากจริง พจน์ บอกว่าลมหายใจที่มีอยู่ เกิน “วีซ่า”คุณหมอกำหนดไว้เดือนกว่าแล้ว ถ้าหมอแม่นเขาต้องสิ้นใจช่วง ม.ค. หรือ ก.พ.ที่ผ่านมา...เอาล่ะนี่คือชีวิตจริง ความตายไม่มีใครหนีพ้นแต่ตอนนี้ยังไม่ตาย คนที่จะตายก่อนอาจเป็นพี่สาวที่ดูแลเพราะไม่มีรายได้มาจุนเจือ...ทุกวันไม่มีเงิน ไม่มีสวัสดิการใดๆทั้งสิ้นได้อาศัยเงินประกันสังคมช่วยคนพิการเพียงเดือนละ 500 บาทเท่านั้น....กราบพี่น้องสื่อมวลชน เพื่อนพ้องสายอาชญากรรม อยากช่วย “พจน์”ให้ติดต่อ 089-787-6559สายตรงกับเจ้าตัว... สมาคม -ชมรมผู้สื่อข่าวอาชญากรรม มีถึง 2 สถาบันหันมามองกันหน่อย.... รวมไปถึงพี่ใหญ่สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย แม้พจน์ จะเป็นสมาชิกหรือไม่แต่ “น้ำใจ”เมื่อรู้แล้วเชิญได้เลย
00000.....ผ่านเรื่องเจ็บไข้ได้ป่วยของกระจิบข่าวเข้าสู่โหมตมันๆเค็มๆในยุทธจักรสีกากีกันดีกว่า...ตอนนี้อะไรก็ไม่ร้อนแรงเท่าคดี พล.อ.ขายตำแหน่ง...เอ๊ย..ไม่ช่ายขออภัย...ไม่ร้อนเท่าการดำเนินคดีพล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป อดีตนายทหารคนดัง และเป็นคนสนิทพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ในข้อหาหมิ่นประมาท และความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ โดยมีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้เสียหายข่าวว่าตำรวจได้ออกหมายเรียกไปแล้ว นัดหมายกันวันที่ 10 มี.ค.นี้ โดย “บิ๊กตุ้ม”ตอบรับพนักงานสอบสวนไปเรียบร้อยซึ่งนับจากนี้จะเริ่มเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม มีการสอบปากคำ รวบรวมพยานหลักฐาน หากไม่เป็นมวยล้มต้มคนดูเสียก่อนเมื่อคดีสู่ศาลต้องคอยดูกันว่าทั้งโจทก์ และจำเลย ใครจะมีหลักฐานนำมามัด หรือเอามาแฉ “บิ๊กเกรียน”รับประกันความมันส์รับรอง “ซู๊ดดดด” ปากกันทั้งเมือง
00000.....ประสาคนเสาะหาข่าวมาไข และขายตอนนี้หลักฐานการร้องเรียนของข้าราชการตำรวจส่งตรงมายังพล.ร.อ.พะจุณณ์ กันอย่าล้นหลาม แต่ไม่มีไอ้พวกซื้อ-ขายนะครัชเพราะของพรรณนั้นมัน “เจือสม”กัน 2 ฝ่าย จ่ายเงินแล้วได้ตำแหน่งแมวที่ไหนมันจะพูด...แต่.....มีผู้ร้องรายหนึ่งเสียเงินหลักล้านจ้างนายตำรวจใกล้เกษียณอายุราชการ คนหนึ่งของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ให้ลาออก เงินค่าวิ่งเต้นซื้อตำแหน่งดังกล่าวแบ่งเป็นค่าจ้างตำรวจที่ลาออกส่วนหนึ่ง ตำรวจใหญ่ระดับภาคส่วนหนึ่ง และตำรวจที่เกี่ยวข้องในส่วนกลางจำนวนหนึ่ง แต่เกิดความผิดพลาดในการแต่งตั้งจึงเสียเงินฟรี......เรื่องราวอื้อฉาวนี้หลักฐานนี้มิได้อยู่ในมือพล.ร.อ.พะจุณณ์ เพียงคนเดียว แต่ยังถูกส่งต่อไปยังพล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์ เตมียาเวส อดีตผบ.ตร.อีกด้วยจึงไม่แน่ใจว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา จะรับมือกันไหว(ไหม)
00000.....ก้ออย่างที่ว่า การซื้อ-ขายตำแหน่ง(ตำรวจ)มันเป็นเรื่องของคนสองคน นอกจากผิดกฏหมายแล้วยังเป็นความเลวร้ายหากถูกจับได้รับรองหมดอนาคตไม่ต้องผุดต้องเกิด ดังนั้นแมวตัวไหนมันจะเหลือรอยให้ตาม ...เอาจากที่เคยได้ยินได้ฟัง และเคยคุ้นแคะแกะเกาหลายหน ปฏิบัติการซื้อเก้าอี้ หรือซื้อตำแหน่งนั้นมีด้วยกัน 3 แนวทางคือ 1.ต้องการอยู่ในพื้นที่เศรษฐกิจ ปัจจุบันเปลี่ยนจากโรงพักเกรด A - B มาเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจครอบคลุมทั้งประเทศอาทิตำรวจน้ำ ตำรวจทางหลวง ตำรวจเศรษฐกิจ สีกากีกลุ่มนี้ต้องเส้นปึ้กจริงๆ ต้องมีผู้หลักผู้ใหญ่สนับสนุนและมีกะตังค์ 2.พวกวิ่งอยู่กับที่ พวกนี้ยอมจ่าย ยอมรับใช้อย่างยาวนานต่อเนื่องกับขั้วอำนาจเพื่อรักษาขุมทรัพย์ของตัวเอง 3.พวกใช้เงินจ้างให้คนอื่นลาออก.....ก่อนเดินหน้าแฉกันต่อ “บิ๊กเกรียน”ขอออกตัวไม่รู้ว่าซื้อ-ขายกันยุคไหนนะฮ้า แต่มันมีเรื่องเล่า เรื่องเม้าท์กันมาแบบนี้...หรือว่ายุคปัจจุบันไม่มี๊ไม่มี...
00000.....วันก่อน “ปู่ป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯบอกว่าเป็นเรื่อง “ตกเบ็ด”...อื่มมมมม....”ตกเบ็ด”นี่หมายความว่าแม้ไม่ลงทุนซื้อตำแหน่งคนๆนั้นก็ต้องได้เลื่อนยศ เปลี่ยนเก้าอี้อยู่แล้ว...แต่ในความเป็นจริงถ้าไม่ใช่คน “วงใน”ใครจะไปรู้ข้อมูล(เนอะ) ส่วนคำเชื้อเชิญของ “ปู่ป้อม”ที่บอกว่าคนที่เสียเงินให้บอกมาเลยว่าผมเสียเงินเข้ามา.....อุ้ยต๊ายตายอกอีเกรียนแตก!!??...ใครมันจะแสดงตัวล่ะท่าน...ออกมามีแต่ตายกับตาย หรือไม่ก็ ไอคุกๆทั้งขึ้นทั้งล่อง
00000.....ว่าแล้ว “บิ๊กเกรียน”ก็ขอเปิดตำราเซ็งลี้สีกากี มาให้แฟนๆประดับความรู้เพิ่มเติมกันอีกรอบ.....ปกติทุกการซื้อ-ขายต้องทำด้วยเงินสด ส่วนจะเทหมดหรือจ่ายทีละครึ่ง แล้วแต่ตกลง...ปกติตำรวจเป็นอาชีพที่ “เขี้ยว”สุดๆอยู่แล้วจึงไม่ต้องห่วงจะโดนตกเบ็ด หรือถูกโกง... การวิ่งเต้นเอาตำแหน่งต่างๆในแวดวงสีกากีมีมือดีรวบรวมพฤติการณ์ต่างๆไม่ซ้ำแบบกันเช่นมี “ขาใหญ่”ฝากเข้ามา “ขาใหญ่”ระดับพื้นๆก็คือนักการเมือง หรือผู้มีอำนาจที่คนแต่งตั้งเกรงใจ......บรรดา “คนฝาก”นี่แหละมีบางคนตั้งตัวเป็นคนขายเสียเอง....ส่วนคนที่ผู้มีอำนาจแต่งตั้งเกรงใจไล่มาตั้งแต่เพื่อนเมีย เพื่อนเจ้านาย เศรษฐีเจ้าของบริษัท ร้านขายของปลอดภาษี เจ้าสัว วงการสื่อ ว่ากันให้วุ่นเพราะ “ตำรวจนักวิ่ง”มันโคตรเก่ง เสาะหาข้อมูลไปเรื่อยจนกว่าจะเจอคนขอได้....ในอดีตมี “บิ๊กตำรวจ”บางคนซื้อขายตำแหน่งผ่านพระเครื่องเบญจภาคี หรือที่รู้กันว่า “คุณพระช่วย” ซื้อผ่านโครงการบ้านจัดสรร ที่ดินจัดสรร (อยู่ในป่าเขาลำเนาไพรแต่ดันขายได้เพราะบารมีเจ้าของโครงการ) ซื้อแมมเบอร์สนามกอล์ฟราคาหลายแสนจนถึงหลักล้าน ซื้อประกันจากคุณนาย แต่งห้อง ติดแอร์-ผ้าม่าน หรือบิวท์อินทั้งหมด ฝากบุตรหลานเรียนโรงเรียนเกรด เอ. และที่ฮือฮาแหวกแนวสุดๆคือให้ซื้อตัวนักฟุตบอลเข้าทีมจังหวัดทางภาคเหนือ....เป็นไงท่านผู้ชม... แหล่มไหมล่ะ!!??
00000.....ข้อเท็จ-จริง มันมากันแนวนี้ขอให้ท่านผู้มีสติปัญญาเมื่อเสพข่าวสารให้ตรองอีก 2 รอบก่อนฟันธงใช่หรือไม่....เหตุใดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงร้อนรน “ป้องศักดิ์ศรี”คงมีเหตุผลเดียวเพราะกลุ่มไลน์ของพล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป นอกจากมีผู้ติดตามเกือบ 500 รายยังมีเตรียมทหารรุ่น 12 อีกส่วน ไม่แน่ใจว่ารวมถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ด้วยหรือไม่..... “บิ๊กแป๊ะ”พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.แสดงท่าทีไปแล้วก่อนส่งให้พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพรหมณกุล รองผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง เอาไปว่าต่อ “ปู่ป้อม”พี่ใหญ่อีกคนที่พูดไปจนหมดใส้หมดพุง สรุปว่าไงก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย “ศึกศักดิ์ศรี”กำลังจะลามเป็นมะเร็งเมื่อ “บิ๊กตุ้ม”คนต้นเรื่องก็เอ่ย แต่พูดอย่างถ่อมตัว... “ผมก็แค่ทหารแก่” .....แหมขยักคำพูดไว้ทำไม “บิ๊กเกรียน”ขอต่อให้จบประโยคเต็มที่ว่า “ทหารแก่...ไม่มีวันตาย”...หรือที่ฝรั่งมันบอก “The old soldier never die” หมายถึงสังขารไม่เป็นอุปสรรคกับหัวใจที่แข็งแกร่ง เพราะทหารถือคติเมื่อเป็นทหารแล้วจะถือจนวันที่แผ่นดินกลบหน้าแม้จะเกษียณอายุราชการไปแล้วก็ตาม....แฮ่มมมม....เอาเป็นว่า 2 ฝ่าย “ชักธงรบ”กันเต็มรูปแบบเพียงแต่ฝ่ายจำเลยออกอาการสุขุมคัมภีรภาพมีวุฒิภาวะสมเป็น “ทหาร(ขิง)แก่”มากกว่า
00000....ฮัดเช้ยยย!!??.....นโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลภายใต้การนำของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ...วันก่อนพล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ออกมาแถลงว่าจากนโยบายดังกล่าวเริ่มตั้งแต่เดือน พ.ย.2558 จนถึง พ.ค.2559 ซึ่งยังเหลือระยะเวลาดำเนินการอีก 2 เดือนคือมี.ค. - เม.ย.ขอให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนหรือทราบข้อมูลแจ้งเบาะแสมาที่ตู้ ปณ. 1111 กับศูนย์ดำรงธรรมทั่วประเทศ หรือแจ้งตำรวจที่ 1559 และในห้วงเวลาที่เหลือผู้มีอิทธิพลอันหมายถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังการกระทำผิดกฏหมายใดๆ หรือดำรงตนอยู่เหนือกฎหมาย ทั้งระดับอำเภอ ตำบลและหมู่บ้านจะถูกดำเนินการอย่างจริงจัง...พูดถึงผู้มีอิทธิพล “บิ๊กเกรียน”บ่งตง...วันนี้ไม่แน่ใจว่ายังมีระดับตัวพ่อ ตัวแม่อยู่ในสยามประเทศหรือไม่ เพราะตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.2557 อันเป็นวัน “คืนความสุข”บรรดาขาเล็ก-ขาใหญ่พากัน “หางหด” ไม่มีใครแหลมแม้แต่รายเดียว ส่วนมาตรการปราบปรามที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ส่งกำลังไปปฏิบัติการถึงรังผู้มีอิทธิพล ถือว่าทำได้ดีน่าพอใจ สิ่งที่หลงเหลืออยู่เป็นขยะสังคมเวลานี้น่าจะเป็นพวกปล่อยเงินกู้นอกระบบ พวกค้ายาเสพติด และผิดกฎหมายเล็กๆน้อยๆ จะให้เหมือนก่อนเก่าคงไม่ใช่แล้วเพราะบรรดาเจ้าพ่อ อบต. เจ้าแม่ อบจ.หรือผู้ใหญ่-กำนัน บางคนที่ผันตัวมาจากนักเลง-ซุ้มมือปืน ต่างเป็น “นกรู้”ไม่กล้าฮือกล้าอือกับรัฏฐาธิปัตย์ อย่างแน่นอน....เอาเป็นว่าถ้ายังมีอิทธิพลก็ปราบกันไปแต่กรุณาอย่าลืม “ผู้มีอิทธิพลในเครื่องแบบ”...ถือปืน ถือกฎหมาย และเป็นลูกพี่ผู้มีอิทธิพล...เป็นผู้มีอิทธิพลตัวจริง...พวกนี้น่ากลัวกว่าเยอะ
00000.....ตบท้ายคดี 4 ชาวจีนบุกปล้นร้ายปืนย่านวังบูรภา ท้องที่ สน.สำราญราษฎร์ เหตุเกิดใก้ลเที่ยงวันศุกร์ที่ 4 มี.ค. ใจกลางกรุงเทพฯ.. ดวลกันสนั่นบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย ข่าวว่าชาวบ้านแถวนั้นยังเข้าใจมีใครปิดถนนถ่ายหนัง .... ระหว่างปั่นต้นฉบับรายละเอียดยังสับสน แต่ประสบการณ์ข่าวบอกว่าไม่ธรรมดาแล้วล่ะ...ทำไมมันไม่ปล้นร้านทอง หรือปล้นเงินในธนาคาร แต่กลับมุ่งไปร้านขายปืนจึงต้องคำถามถามต่อไปว่าจะเอาปืนไปทำอะไร.... ก่ออาชญากรรมธรรมดาหรือมากกว่านั้น!!??...สัปดาห์นี้ลาไปก่อน...โชคดีมีเงินใช้ทุกๆท่าน