MGR Online - ดีเอสไอบุกทลายแหล่งเก็บแว่นตาปลอมเครื่องหมายการค้ายี่ห้อดังย่านจรัญสนิทวงศ์ และเพชรเกษม รวบสองผู้ต้องหาชาวจีนพร้อมยึดของกลางแว่นตาเกือบ 9 แสนชิ้น มูลค่ากว่า 130 ล้านบาท
วันนี้ (3 มี.ค.) เวลา 11.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีดีเอสไอ นางกรรณิกา ริมโพธิ์เงิน รรท.ผบ.สำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา นายธงชัย สมบัติจิราภรณ์ รอง ผบ.สำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา ร.ต.อ.พลสัณห์ เทิดสงวน ผอ.ส่วนคดีทรัพย์สินทางปัญญา 1 และนายแอนเดรีย ไวทาโลเน (Dr.Andrea Vitalone) ตัวแทนสถานเอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทย ร่วมแถลงผลการตรวจยึดอุปกรณ์ปั๊มเครื่องหมายการค้าปลอม และสินค้าประเภทแว่นตาปลอมเครื่องหมายการค้ายี่ห้อดัง จำนวน 895,897 ชิ้น มูลค่ากว่า 130 ล้านบาท
พ.ต.อ.ทรงศักดิ์กล่าวว่า สืบเนื่องจากสำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่ามีบุคคลสัญชาติจีนเข้ามาค้าขายในประเทศไทยโดยแอบลักลอบจำหน่ายแว่นตาปลอมเครื่องหมายการค้ายี่ห้อต่างๆ จึงได้ทำการสืบสวนจนทราบแน่ชัดว่าผู้กระทำความผิด คือ นายฮ่อง จี๋ซู สัญชาติจีน กับพวก โดยลักลอบนำเข้าและส่งจำหน่ายให้แก่ร้านแว่นตาย่านเยาวราช และสะพานเหล็ก ซึ่งราคาขายตามท้องตลาดถูกกว่าปกติค่อนข้างมาก ตกอันละประมาณ 100-200 บาท จึงได้ขออนุมัติหมายค้นต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง
พ.ต.อ.ทรงศักดิ์กล่าวว่า หลังศาลอนุมัติ เจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการตรวจค้นสถานที่เก็บสินค้าทั้งหมด 7 จุด ย่านจรัญสนิทวงศ์ และเพชรเกษม เมื่อวันที่ 2 มี.ค. 59 พบของกลางเป็นแว่นตาปลอมเครื่องหมายการค้ายี่ห้อเรย์แบน โอคเลย์ ปราด้า ฯลฯ จำนวนมาก แผ่นเพลต สติกเกอร์ และป้ายสินค้าที่ปลอม ก่อนจับกุมนายฮ่อง จี๋ซู กับ น.ส.ตัน ถิงฉู่ สัญชาติจีน ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุ โดยยอมรับเป็นเจ้าของทั้งหมดและทำมานานกว่า 4-5 ปี
“การตรวจค้นจับกุมดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่เน้นการจับกุมแหล่งผลิต แหล่งเก็บสินค้า แหล่งจำหน่ายและผู้กระทำผิดที่เป็นตัวการรายใหญ่ ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งประเทศไทยถูกสำนักผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกาจัดลำดับสถานการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาให้อยู่ในบัญชีประเทศที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ หรือ PWL และรัฐบาลมีนโยบายเร่งรัดการดำเนินการให้ไทยหลุดจากบัญชีดังกล่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงให้ความสำคัญกับการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง” รองอธิบดีดีเอสไอกล่าว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาปลอมและมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักร อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 และข้อหาซื้อหรือรับไว้โดยประการใดๆ ซึ่งสินค้าอันตนรู้อยู่ว่านำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร ข้อห้ามหรือข้อจำกัด อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย นอกจากนี้ นายฮ่อง จี๋ซู ผู้ต้องหาเคยกระทำความผิดมาแล้วหลายครั้งในประเทศไทยซึ่งจะได้ทำการผลักดันออกนอกประเทศหลังจากพ้นโทษ