xs
xsm
sm
md
lg

สตม.เปิดศูนย์ TIC เพื่อคัดกรองบุคคลเข้าออกต้องห้าม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - สตม.จัดตั้งศูนย์ควบคุมสั่งการงานตรวจคนเข้าเมือง หรือ TIC เพื่อคัดกรองบุคคลเข้าออก พบบุคคลต้องห้ามทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติกว่า 50 ราย

วันนี้ (18 ม.ค.) ที่สำนักตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ รอง ผบ.ตร. (ต่างประเทศ) เป็นประธาน “พิธีเปิดศูนย์ควบคุมสั่งการงานตรวจคนเข้าเมือง” หรือ Thai Immigration 24/7 Center (TIC) โดยมี พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม. และเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองกว่า 100 นายเข้าร่วมประชุม

พล.ต.อ.วุฒิกล่าวว่า การจัดตั้งศูนย์ควบคุมสั่งการงานตรวจคนเข้าเมือง หรือ Thai Immigration 24/7 Center Center (TIC) ไม่ใช่การเตรียมตัวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน (AEC) แต่เราเข้าสู่ประชาคมอาเซียนอย่างเต็มรูปแบบ เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับด้านความมั่นคงของประเทศ อาชญากรรมข้ามชาติ รวมไปถึงด้านการท่องเที่ยว การจัดตั้งศูนย์ดังกล่าวเพื่อตรวจสอบคัดกรองบุคคลทั้งเข้า-ออก และบุคคลที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย และในเร็วๆ นี้เราจะเชิญกลุ่มนักธุรกิจ นักลงทุน มาร่วมพูดคุยปรึกษาหารืออีกด้วย

พล.ต.อ.วุฒิกล่าวต่อว่า ศูนย์ควบคุมสั่งการงานตรวจคนเข้าเมือง หรือ Thai Immigration 24/7 Center Center (TIC) เป็นศูนย์กลางสำหรับผู้บริหารในการบัญชาการ ควบคุมสั่งการและกำกับดูแล เป็นการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศระดับปฏิบัติการมาบูรณาการการทำงานร่วมกัน สามารถเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับฐานข้อมูลของหน่วยงานต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ หลายระบบ ได้แก่ ระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (Advance Passenger Processing System : APPS) เป็นเครื่องตรวจสอบฐานข้อมูลคัดกรองบุคคลต่างๆก่อนเข้าประเทศไทย ระบบสารสนเทศสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (Personal Identification Blacklist Immigration Control System : PIBICS) เป็นระบบที่สามารถควบคุมได้ทุกเส้นทางอนุญาต ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ หากพบว่ามีประวัติเป็นบุคคลต้องห้ามจะทำการสังกัดตั้งแต่ต้นทางระบบช่องตรวจอัตโนมัติ (Automatic Channel) ระบบฐานข้อมูลอาชญากรรมข้ามชาติ (Case Management Intelligence System : CMIS) ระบบสังเกตการณ์ด่านตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศ (CCTV Surveillance) ระบบการติดต่อสื่อสารด้วย IP Phone พร้อมสายด่วนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง 1178และเชื่อมโยงกับระบบฐานข้อมูลของหน่วยงานภายนอก เช่น ข้อมูลสารสนเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (POLIS), ระบบ CRIMES และ ระบบฐานข้อมูลหมายของตำรวจสากล Interpol เป็นต้น

นอกจากนี้ ศูนย์ TIC ยังเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับ ศูนย์ปฏิบัติการสั่งการและควบคุมระบบการคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (COMMAND OPERATION CENTER : CCOC) ซึ่งตั้งอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินนานาชาติ ทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม ระบบดังกล่างได้มีการเปิดใช้มาเป็นเวลา 10 วัน ในเบื้องต้นยังไม่พบปัญหาใด

พล.ต.ท.ณัฐธรกล่าวว่า เมื่อศูนย์ดังกล่าวเปิดใช้จะทำให้ผู้บังคับบัญชาสามารถเรียกข้อมูลจากหน่วย ตม.ซึ่งตั้งอยู่ทั่วประเทศ สามารถติดตามสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งมีข้อมูลจากระบบฐานข้อมูลสารสนเทศทั้งในและต่างประเทศมาประกอบการตัดสินใจสั่งการ ทำให้การตัดสินใจสั่งการเป็นไปอย่างถูกต้อง แม่นยำ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ สามารถสั่งการลงไปยังหน่วยปฏิบัติได้ทันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น การจัดตั้งศูนย์ดังกล่าวเป็นไปตามวิสัยทัศน์ในด้านการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้กับงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อให้สามารถควบคุมและตรวจสอบได้จากส่วนกลาง ช่วยลดภาระงานของเจ้าหน้าที่ มีความเป็นมาตรฐานสากล พร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และเป็นผู้นำด้านงานตรวจคนเข้าเมืองในภูมิภาค

นอกจากนี้ ในระยะถัดไป สตม.อยู่ระหว่างการจัดทำระบบการจัดเก็บข้อมูลทางชีวภาพ (Biometric System) เพื่อจัดเก็บข้อมูลลายพิมพ์นิ้วมือ โครงหน้า หรือม่านตา เพื่อให้การตรวจสอบบุคคลมีความเที่ยงตรง แม่นยำ ช่วยให้ระบบตรวจคนเข้าเมืองของไทยมีประสิทธิภาพสูง เมื่อนำมาใช้ควบคู่กับปรับปรุงระเบียบที่เกี่ยวข้องกับงานตรวจคนเข้าเมือง เช่น มาตรการควบคุมคนต่างด้าวที่อยู่เกินกำหนดอนุญาต (Overstay) ซึ่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้มี คำสั่งที่ 1/2558 เรื่อง การไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกเข้ามาในราชอาณาจักร โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 20 มีนาคม 2559 นี้ โดยจะมุ่งเน้นบังคับใช้กับชาวต่างชาติที่เข้ามา และอยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย ผู้ลักลอบทำงาน และอาชญากรข้ามชาติ สามารถคัดแยกคนร้ายออกจากคนดี ทำให้งานตรวจคนเข้าเมืองมีประสิทธิภาพ มีความศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นสังคมที่มีความมั่นคง ปลอดภัย เป็นที่เชื่อมั่นของคนไทยและคนต่างชาติ ตามวิสัยทัศน์ “Good guys in, Bad guys out”

พล.ต.ท.ณัฐธรกล่าวว่า จากการทดลองเปิดตั้งศูนย์ดังกล่าวตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2558 จนถึงปัจจุบันนั้น จากการตรวจสอบพบรายชื่อบุคคลต้องห้ามทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติกว่า 50 ราย สำหรับชาวต่างชาตินั้นเราได้ดำเนินการสกัดกั้นตั้งแต่ต้นทาง ส่วนชาวไทยนั้นได้ให้ผ่านเข้ามาในประเทศก่อนหลังจากนั้นจึงดำเนินการสังกัดกั้นที่บริเวณสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิเพื่อดำเนินคดี




































กำลังโหลดความคิดเห็น