ส่งอีก 5 สำนวนฟ้องขบวนการหมิ่นสถาบันฯ แก๊ง “หมอหยอง” ให้กองคดีตรวจทาน ก่อนส่งคณะกรรมการคดีหมิ่นฯ ของ ตร.พิจารณา และให้ ผบ.ตร.ลงนาม เผยยังเหลือในขั้นพนักงานสอบสวนอีก 6 สำนวน ด้าน พล.ต.ต.รู้เห็น “สารวัตรเอี๊ยด” ตั้งเสาวิทยุสื่อสารเถื่อน ดอดพบ “ศรีวราห์” ให้ปากคำแล้ว
วันนี้ (4 ธ.ค.) ที่กองคดีอาญา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีมีขบวนการแอบอ้างสถาบันฯ หาผลประโยชน์โดยมิชอบ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งมีนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยด อดีตสารวัตร ปอท.และพวกเป็นผู้ต้องหา พร้อมคณะพนักงานสอบสวน นำสำนวนคดี 5 สำนวนให้กองคดีอาญา สำนักงานกฎหมายและคดี ตร. ตรวจทานก่อนส่งให้คณะกรรมการคดีหมิ่นสถาบันฯ ของ ตร.พิจารณา จากนั้นจะเสนอ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.เห็นชอบแล้วส่งสำนวนให้อัยการต่อไป
พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่าหลังจากส่งสำนวนคดีนี้ให้อัยการศาลทหารสั่งคดีไปแล้ว 6 สำนวน วันนี้ได้สรุปสำนวนคดีที่เหลือส่งให้กองคดีอาญาตรวจทานอีก 5 สำนวน ยังอยู่ในการดำเนินการของคณะพนักงานสอบสวนอีก 6 สำนวน โดย 5 สำนวนที่สรุปส่งกองคดีอาญาวันนี้ประกอบด้วย 1.คดีอาญาที่ 101/2558 มี พ.ต.ต.ปรากรม และนายศุกร์โข ตามเสรี เพื่อนชายคนสนิทเป็นผู้ต้องหา ข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนเป็นของผู้อื่น พาอาวุธติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ เหตุเกิดที่บ้านของผู้ต้องหา ในเขตบางคอแหลม กทม. 2.คดีอาญาที่ 108/2558 มีนายสุริยัน และนายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรืออาร์ท เลขานุการส่วนตัวเป็นผู้ต้องหา ในข้อหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ฯ ตามมาตรา 112 โดยพฤติการณ์เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม - 1 ตุลาคม 2558 ร่วมกันแอบอ้างเบื้องสูงขอรับการสนับสนุนจัดทำสิ่งของ และได้รับผลประโยชน์จากบริษัทเอกชน เป็นเงิน 4.7 ล้านบาท
3. คดีอาญาที่ 112/2558 แจ้งข้อหา พ.ต.ต.ปรากรม ฐานมีอาวุธปืนและเครื่อกระสุนของผู้อื่นในครอบครอง ลักทรัพย์และรับของโจร 4. คดีอาญาที่ 113/2558 มีนายสุริยัน นายจิรวงศ์ นายคชาชาต บุญดี อดีตนายทหารกองทัพภาคที่ 3 และ พล.ต.สุชาติ พรหมใหม่ อดีตนายอัตราประจำ ทบ. เป็นผู้ต้องหา ข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ร่วมกันสนับสนุนให้ผู้อื่นกระทำความผิด เป็นเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติ หรือละเว้น ทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ โดยเมื่อปลายเดือน พ.ค. 2558 ถึง ก.ย. 2558 ผู้ต้องหาร่วมกับพวกแอบอ้างสถาบันฯ แสวงหาผลประโยชน์จัดทำสิ่งของ และได้รับผลประโยชน์จากการดำเนินการแล้ว เหตุเกิดที่เขตบางเขน สีลม บางรัก ดุสิต บางซื่อ กทม.และหลายพื้นที่ใน อ.เมืองเชียงใหม่ และ 5. คดีที่ 114/2558 มีนายสุริยัน นายจิรวงศ์ นายคชาชาต และ พล.ต.สุชาติ พฤติการณ์และความผิดเช่นเดียวกับคดีที่ 113/2558 แต่เหตุเกิดที่บริษัทเอกชน เขตพญาไท กทม.
รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า อีก 6 สำนวนที่เหลือยังรอผลการตรวจพิสูจน์เอกสารหลักฐาน มีวัตถุพยานจำนวนมาก เช่น การตรวจแชสซีส์ของรถของกลางว่ามีรอยขูดลบหรือไม่ รวมถึงการตรวจเรื่องการติดตั้งเสาสัญญาณวิทยุว่าหนีภาษีหรือไม่ ตรงนี้ต้องสอบถามจากหน่วยงานอื่นๆ ต้องใช้เวลา
เมื่อถามถึงการขออนุมัติหมายจับอดีตผู้บังคับการ ยศ พล.ต.ต.1 รายนั้น พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า ยังต้องรอผลตรวจสอบเอกสารพยานวัตถุต่างๆ หากหลักฐานไม่ครบก็ขอไม่ได้ โดยได้เชิญอดีต ผบก.รายนี้มาสอบปากคำเบื้องต้นแล้ว และไม่กังวล ไม่เกรงว่าอดีต ผบก.รายนี้จะหลบหนี ส่วนจะขยายผลดำเนินคดีกับใครเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับข้อมูล พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก.ที่เป็นหัวหน้าชุดสืบสวนคดีนี้ เบื้องต้นได้ข่าวว่าจะมีอีก น่าจะต้องมีการทำสำนวนเพิ่มอีก ขณะเดียวกันหากการสอบสวนในสำนวนที่ทำอยู่ขยายผลถึงใครอีก ก็ต้องดำเนินคดีทั้งหมด
ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.กล่าวว่า ได้กำชับให้เร่งสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้ ทั้งทหารและตำรวจ ยอมรับว่ามีเบาะแสเพิ่มเติม แต่เมื่อไปตรวจสอบแล้วยังไม่ชัดเจนจึงไม่มีความคืบหน้าเพิ่มเติม ส่วนกระแสข่าวกรณีมีนายตำรวจยศพลตำรวจตรี เข้ามาเกี่ยวข้องในคดีนั้น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติระบุว่า ได้รับข้อมูลในส่วนนี้มาตั้งแต่แรกเกี่ยวกับการตั้งเสาวิทยุโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ไม่ทราบรายละเอียดเพราะเป็นเรื่องของพนักงานสอบสวน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 18.00 น.วันนี้ อดีตนายตำรวจระดับ ผบก.ที่การสืบสวนสอบสวนพบว่าเกี่ยวข้องร่วมกับ พ.ต.ต.ปรากรม ในการย้าย-ติดตั้งเสาวิทยุสื่อสารจะเดินทางมาให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน ที่สำนักงาน พล.ต.อ.ศรีวราห์ อาคาร 1 ชั้น 7 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ