MGR Online - ศาลแพ่งสืบพยานปากสุดท้าย คดีดีเอสไอฟ้องหลวงปู่พุทธะอิสระ ทนายนิติธร อัญชะลี ไพรีรัก นำม็อบเข้าชุมนุมในสำนักงานช่วงการเคลื่อนไหว กปปส.ปลายปี 56 ทำคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก-ข้าวกล่องเจ้าหน้าที่เสียหาย เรียกชดใช้ 2.6 ล้าน นัดอ่านคำพิพากษา 15 ก.พ. 59
วันนี้ (4 ธ.ค.) ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานจำเลยคดีที่พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีละเมิด เรียกค่าเสียหายจากหลวงปู่พุทธะอิสระ หรือนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ, พล.ต.สมเกียรติ วัฒนวิกย์กิจ, นายชุมพล จุลใส, นายนิติธร ล้ำเหลือ และ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก กรณีการชุมนุมภายในสำนักงานดีเอสไอ เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2556
โจทก์บรรยายฟ้องสรุปว่า โจทก์เป็นผู้ครอบครองที่ดินพิพาทนี้ จำเลยทั้ง 5 คนเป็นแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมคณะกรรมการประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) ได้ร่วมกันใช้สิทธิโดยไม่สุจริต เป็นการใช้สิทธิที่ทำให้เกิดความเสียหายและเป็นการทำละเมิดแก่โจทก์ โดยขอให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันชดใช้เงินค่าเสียหายเป็นเงิน 2,663,409 บาทพร้อมดอกเบี้ย นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป ซึ่งศาลประทับรับฟ้องวันที่ 18 พ.ย. 2557
ในวันนี้ นายนิติธรเป็นพยานจำเลยขึ้นเบิกความถึงเหตุการณ์ชุมนุมที่กรมสอบสวนคดีพิเศษว่า ในวันดังกล่าวตนได้ขึ้นปราศรัยวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษในขณะนั้นจริง แต่ยืนยันว่ากลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้มีการผลักดันเพื่อที่จะเข้าในพื้นที่อันทำให้เกิดความเสียหายแก่กรมสอบสวนคดีพิเศษแน่นอน เนื่องจากประตูของกรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นประตูกระจกและมีโซ่คล้องอยู่ ย่อมไม่สามารถที่จะเข้าไปได้หากไม่มีคนเปิดประตูให้เข้าไป หากมีการผลักดันเข้าไปย่อมทำให้กระจกประตูแตก ที่ผ่านมาไม่เคยมีการแจ้งความว่ากระจกประตูทางเข้าได้รับความเสียหาย
นายนิติธรยังได้เบิกความต่อว่ากลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) กับ กปปส.นั้นไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกัน แต่มีเจตนาเดียวกันในเรื่องของการปฎิรูปประเทศ ซึ่งแต่ละเวทีก็มีการแนวทางการเคลื่อนไหวในเรื่องการปฎิรูปเป็นของตัวเอง โดย คปท.นั้นมีการเคลื่อนไหวในเรื่องการปฎิรูปประเทศมาก่อนที่จะมีการตั้ง กปปส.
ภายหลังนายนิติธรพยานจำเลยปากสุดท้ายเบิกความเสร็จแล้ว ศาลแพ่งได้นัดอ่านคำพิพากษา ในวันที่ 15 ก.พ. 2559 เวลา 09.00 น.
ภายหลัง น.ส.พวงทิพย์ บุญสนอง ทนายความ กล่าวว่า คดีนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นโจทก์ฟ้องกรณีที่ไปชุมนุมที่ดีเอสไอ โดยเรียกค่าเสียหายรวม 2 ล้านกว่าบาท อ้างว่าความเสียหายเกิดจากการทำละเมิดให้ทรัพย์สินเสียหาย เช่น คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่สูญหายในช่วงการชุมนุม และค่าข้าวกล่องของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอในขณะปฏิบัติหน้าที่ เป็นต้น