“หมอเลี้ยบ” อดีตรัฐมนตรีสมัยรัฐบาลพลังประชาชนให้การปฎิเสธต่อศาลฎีกาฯ นักการเมือง คดีแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ธปท.ขัดต่อกฎหมายเมื่อปี 51 ศาลนัดตรวจหลักฐานอีกครั้ง 3 ธ.ค.นี้
วันนี้ ( 8 ต.ค.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ.แจ้งวัฒนะ นางอุบลรัตน์ ลุยวิกกัย ประธานแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลฎีกา ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนพร้อมองค์คณะผู้พิพากษา 9 ท่าน ออกนั่งบัลลังก์เพื่อสอบคำให้การในคดีหมายเลขดำ อม.39/2558 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นพ.สุรพงษ์ หรือหมอเลี้ยบ สืบวงศ์ลี อายุ 58 ปี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสมัยพรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาล เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต เป็นเหตุให้ผู้หนึ่งผู้ใดได้รับความเสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
จากกรณีเมื่อปี 2551 ขณะที่ นพ.สุรพงษ์ดำรงตำแหน่ง รมว.คลัง สมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ได้มีการแต่งตั้งประธานและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ ธปท.โดยมิชอบ ภายหลังมีการร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดินที่ได้วินิจฉัยว่าการคัดเลือกบุคคลที่สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ ธปท.เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากกรรมการในคณะกรรมการคัดเลือกฯ บางคนมีลักษณะต้องห้ามตาม พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2485 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย(ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 มาตรา 28/1 และได้แจ้งให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาดำเนินการระงับการทูลเกล้าฯ เพื่อทรงแต่งตั้งประธานกรรมการ ธปท. และให้ รมว.คลังดำเนินการยกเลิกการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ ธปท.
โดยในวันนี้ นพ.สุรพงษ์ จำเลยเดินทางมาศาล ต่อมาศาลได้อ่านเเละอธิบายคำฟ้องให้ฟังแล้ว จำเลยให้การปฎิเสธ โดยขอยื่นคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรในวันที่ 30 พ.ย. และขอให้ศาลอนุญาตให้มีการพิจารณาคดีลับหลัง
ทั้งนี้ องค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 ท่านได้ประชุมและพิจารณาเเล้วเห็นว่า การยื่นคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรในวันที่ 30 พ.ย.นั้นมีความล่าช้าเกินไป เพื่อให้การพิจารณาคดีมีความรวดเร็วตามสมควรจึงให้จำเลยยื่นคำให้การภายในวันที่ 9 พ.ย. หากจำเลยไม่ยื่นในกำหนดดังกล่าวให้ถือว่าไม่ติดใจ ส่วนเรื่องการพิจารณาคดีลับหลังนั้น เห็นว่าจำเลยมีหน้าที่ต้องเดินทางมาศาลเพื่อรับฟังการพิจารณาคดีทุกครั้ง หากมีเหตุไม่สามารถมาศาลได้ ให้จำเลยเเจ้งเหตุเป็นคราวๆ ไป จึงไม่อนุญาตในคำขอ เเละให้กำหนดวันนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 3 ธ.ค. 2558 เเละให้คู่ความทั้งสองยื่นเเนวทางการไต่สวนก่อนวันนัดตรวจพยานหลักฐานไม่น้อยกว่า 14 วัน
จากนั้น นพ.สุรพงษ์ได้ยื่นสมุดบัญชีและเงินสดรวม 10 ล้านบาทเพื่อยื่นขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว โดยกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล
นพ.สุรพงษ์กล่าวภายหลังว่า ศาลได้กำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศเพียงอย่างเดียว ส่วนในวันนัดตรวจพยานหลักฐานก็เตรียมบัญชีพยานไว้เเล้ว และเป็นพยานชุดเดียวกับในชั้น ป.ป.ช.เเต่ไม่ขอลงในรายละเอียด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ ป.ป.ช.ได้ยื่นฟ้องเป็นคดีต่อศาลฎีกาฯ เมื่อเดือน มิ.ย. 2558 ที่ผ่านมา หลังจากมีการชี้มูลความผิด นพ.สุรพงษ์ เมื่อเดือน มี.ค. 2554 เเละศาลฎีกาฯนักการเมืองมีคำสั่งให้ประทับรับฟ้องไว้เมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2558