xs
xsm
sm
md
lg

ผบ.ตร.นำตัวมือยิง “เสี่ยสมยศ” แถลงข่าว รับก่อเหตุจริง ทำเพื่อตอบแทนบุญคุณ พร้อมนำตัวทำแผน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


 
ผบ.ตร.แถลงจับกุมมือปืนสังหาร “เสี่ยสมยศ” สารภาพเป็นคนก่อเหตุจริง ได้รับค่าจ้าง 300,000 บาท รับงานครั้งนี้เพราะตอบแทนผู้ว่าจ้างที่มีพระคุณ ต่อมา ตร.ได้นำนายชม หรืออาจารย์ มาแถลงรับสารภาพว่าเป็นหนึ่งในทีมสังหารจริง โดยรับงานจ้างผู้จ้างวานมา 1 ล้านบาท และได้ส่วนแบ่ง 100,000 บาท สาเหตุที่ลงมือนั้นทางผู้จ้างวานบอกเกี่ยวกับเรื่องเงินที่ติดค้างกันหลายล้านบาท พร้อมนำตัวไปทำแผน

วันนี้ (3 ก.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร.และโฆษกสำนักานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น.5 พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป.ร่วมแถลงข่าวการจับกุม นายภานุพงษ์ หรือแจ้ รัสนา อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/5 หมู่ 6 แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กทม. ตามหมายจับศาลพระโขนง ที่ 359/2558 ลงวันที่ 1 กันยายน 2558 ผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนยิงนายสมยศ สุธางค์กูร อดีตเจ้าของพระราม 9 คาเฟ่ จนเสียชีวิตที่ร้านอาหารเฮงหูฉลาม สาขาพัฒนาการ เขตสวนหลวง เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน 6 สีทอง 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือยี่ห้อแอลจี สีชมพู 1 เครื่อง จักรยานยนต์ยี่ห้อซูซูกิ รุ่นสแมช สีแดง-ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ตรวจสอบภายหลังทราบเป็นรถหมายเลขทะเบียน บมฉ 540 กทม. โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าโรงเรียนอุบลรัตนราชกัญญาราชวิทยาลัย ซ.จรัญสนิทวงศ์ 35 ถ.ปากน้ำวัดแก้ว แขวงบางพรม เขตตลิ่งชัน กทม. เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา

พล.ต.ต.สมบัติกล่าวว่า คดีนี้เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างตำรวจนครบาลกับกองปราบปรามในการเร่งคลี่คลายคดี โดยหลังเกิดเหตุตำรวจได้มีการสืบสวนและวิเคราะห์ข้อมูล ประเด็นการสังหาร มีการรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ เส้นทางคนร้าย ตำหนิรูปพรรณ ยานพาหนะ จนทราบว่านายภานุพงษ์มีตำหนิรูปพรรณและรอยสักตรงกับมือปืนที่ก่อเหตุ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน จึงได้ขออนุมัติศาลจังหวัดพระโขนง ออกหมายที่ จ.359/2558 ลงวันที่ 1 ก.ย. 2558 ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และใช้อาวุธปืน ก่อนสามารถติดตามจับกุมตัวได้ในเวลา 17.00 น.วันเดียวกัน

พล.ต.ต.สมบัติกล่าวต่อไปว่า จากการสอบสวนนายภานุพงษ์ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือก่อเหตุยิงนายสมยศจริง โดยได้รับค่าจ้างจำนวน 300,000 บาท แบ่งเป็นจำนวน 2 งวด งวดแรกก่อนก่อเหตุยิงนายสมยศจำนวน 30,000 บาท และงวดที่ 2 หลังลงมือสำเร็จแล้วอีก 270,000 บาท โดยก่อนเกิดเหตุนายกฤษฎา หรือนก ใจเอม ซึ่งรู้จักกับนายภานุพงษ์ได้ติดต่อให้ไปทวงหนี้ และได้นัดพบกันกับนายกฤษฎา และชายที่นายกฤษฎาเรียกว่าอาจารย์ คือ นายชม ไชยณรงค์ ที่โรงแรมย่านถนนเลียบคลองสอง ภายหลังนายชมเกิดเปลี่ยนใจบอกว่าไม่ต้องทวงหนี้แต่ให้ลงมือสังหารแทน จึงนัดวางแผนสังหาร จากนั้นทั้ง 3 คนได้เดินทางไปพบกับนายหนูไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง ผู้ขับขี่จักรยานยนต์พาไปสังหารที่สนามกีฬาหัวหมาก และนายชมได้มอบกระเป๋าที่บรรจุเงินค่าจ้าง อาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 พร้อมรูปถ่ายนายสมยศให้ จากนั้นนายภานุพงษ์ได้ซ้อนท้ายนายหนูไปสังหารนายสมยศที่ลานจอดรถร้านเฮงหูฉลาม โดยยิงเข้าไปที่หลัง 2 นัด ใบหน้า 1 นัด และยิงซ้ำที่หัวอีก 1 นัด รวม 4 นัด หลังก่อเหตุได้ทิ้งจักรยานยนต์ไว้ที่บริเวณซอยรามคำแหง 24 แยก 2 ก่อนหลบหนีไปพักย่านหนองแขม นำกระเป๋าสะพายและเสื้อผ้าที่ใส่ในวันก่อเหตุไปเผาทิ้ง และนำปืนที่ใช้ก่อเหตุไปโยนทิ้งลงแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณกลางสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่านายภานุพงษ์ยังมีคดีติดตัวอีก 3 คดี ได่แก่ ข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยผิดกฎหมาย และข้อหาข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยผิดกฎหมาย ท้องที่ สน.บางขุนนนท์ด้วย

ด้านนายภานุพงษ์ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุยิงนายสมยศ โดยได้รับค่าจ้าง 300,000 บาท ส่วนเหตุผลที่รับงานเป็นมือปืนครั้งนี้เพื่อทดแทนบุญคุณ เพราะคนที่ว่าจ้างเป็นผู้มีพระคุณ เคยเลี้ยงดูกันมา และไม่ทราบมาก่อนว่าต้องฆ่าใครเพราะไม่รู้จักหรือเคยมีความขัดแย้งกับนายสมยศมาก่อน หรือผู้ที่ถูกฆ่ามีความขัดแย้งใดกับผู้จ้างวาน ทั้งนี้ตนไม่เคยฝึกการยิงปืน หรือเคยก่อเหตุฆ่าใครมาก่อน

ต่อมาเวลา 10.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ป.ได้นำตัวนายชม ไชยณรงค์ หรืออาจารย์ อายุ 53 ปี ชาว จ.นครราชสีมา มาร่วมแถลงข่าวด้วย โดย พล.ต.ต.อัคราเดชกล่าวว่า จากการสอบสวนนายชมให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ยอมรับว่าเป็นหนึ่งในทีมสังหารนายสมยศจริง โดยเป็นผู้ได้รับการติดต่อจากผู้ว่าจ้างในการจัดหาทีมสังหาร รับค่าจ้างเป็นเงินจำนวน 1 ล้านบาท มาแบ่งกันในทีมสังหาร ส่วนตัวนายชมได้ส่วนแบ่งจำนวน 1 แสนบาท ส่วนสาเหตุที่ลงมือสังหารนั้นทางผู้จ้างวานบอกว่าเกี่ยวกับเรื่องเงินที่ติดค้างกันหลายล้านบาท ทั้งนี้ สำหรับนายชมได้หลบหนีไปกบดานที่ จ.เพชรบุรี ตำรวจจึงได้มีการเชิญตัวมาสอบถามก่อนทราบว่ามีหมายจับของศาลจังหวัดพระโขนง ที่ จ.400/2558 ลงวันที่ 3 ก.ย. 2558 ติดตัวอยู่ จึงได้แจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยมีและใช้อาวุธปืนในฐานะผู้ใช้จ้างวาน

พล.ต.ต.อัคราเดชกล่าวว่า สำหรับมูลเหตุการสังหารนายสมยศเกี่ยวข้องกับการหักหลังเรื่องเงินจำนวนหลายล้านบาท เกี่ยวกับการไปว่าความในคดีซึ่งเป็นคดีเกี่ยวกับยาเสพติด ตำรวจจึงต้องระมัดระวังในการข่าวเพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่านายชมเคยต้องโทษมาหลายคดี เช่น คดีที่ร่วมกับ พ.ต.ท.พันธุ์ศักดิ์ มงคลศิลป์ อุ้มฆ่าแม่-ลูกตระกูลศรีธนะขัณฑ์ ขณะเดียวกันพัวพันกับคดีอุ้มฆ่าที่ จ.สระแก้ว หลายคดี และมีหมายจับในคดีอุ้มฆ่าติดตัวอยู่ด้วย นอกจากนี้ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีอุกฉกรรจ์ในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี หลายคดี ทั้งนี้ สำหรับทีมสังหารในครั้งนี้มี 5 คน คือ นายภานุพงษ์ หรือแจ้ รัสนา มือปืน นายหนูไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง ทำหน้าที่ขับจักรยานยนต์ให้กับมือปืน ผู้รับงานคือ นายชม ไชยณรงค์ หรืออาจารย์ และนายกฤษฎา หรือนก ใจเอม ส่วนคนสุดท้ายคือผู้จ้างวานซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแถลงข่าวตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุที่ร้านเฮงหูฉลาม ถ.พัฒนาการ แขวงและเขตสวนหลวง และจุดที่ผู้ต้องหาอ้างว่าได้นำอาวุธปืนที่ใช้ในการก้อเหตุไปทิ้งบริเวณสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวนายภานุพงษ์ รัสนา มือลั่นไกสังหารนายสมยศ สุธางค์กูร เจ้าของพระราม 9 คาเฟ่ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพภายในลานจอดร้านเฮงหูฉลาม


























 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น