xs
xsm
sm
md
lg

“ธรรมกาย” เงิบ! “สมยศ” ไม่ให้จัดรำลึกราชประสงค์ - ตรวจดีเอ็นเอในแท็กซี่เสร็จแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ตร.) - ภาพจากแฟ้ม
ASTVผู้จัดการ - ผบ.ตร. ไม่อนุญาต “ธรรมกาย” ใช้แยกราชประสงค์ จัดรำลึกผู้เสียชีวิตจาเหตุระเบิด หวั่นไม่ปลอดภัย ติงสื่อด่วนสรุปโยงอุยกูร์ตอบโต้จีน ย้ำจุดประสงค์คนร้ายต้องการทำลายการท่องเที่ยวไทย ด้าน “ประวุฒิ” แจงหมายจับมือบึ้มสาทรใช้หลักฐานวงจรปิดร่วมกับปากคำพยาน เชื่อทำเป็นขบวนการ ขณะผลสอบแท็กซี่รับส่งชายเสื้อเหลือง 2 - 3 ครั้ง ยังให้การไม่ตรงกัน แต่เก็บดีเอ็นเอไว้ตรวจเปรียบเทียบแล้ว

วันนี้ (28 ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กล่าวถึงกรณีศาลอาญากรุงเทพใต้อนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาคดีระเบิดที่สะพานสาทร เมื่อวันที่ 18 ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นชายเสื้อฟ้าที่ปรากฏภาพในกล้องวงจรปิด ว่า หลักฐานที่ใช้ในการขอออกหมายจับ คือ ภาพจากกล้องซีซีทีวีเป็นหลัก และมีหลักฐานอย่างอื่นประกอบด้วยแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนกรณีที่มีการออกหมายจับโดยที่ไม่ทราบชื่อหรือสัญชาติ ยืนยันว่า ไม่เป็นอุปสรรคในการสืบสวนจับกุม ที่ผ่านมา ก็มีการออกหมายจับชายไทยไม่ทราบชื่อ ชาวต่างชาติไม่ทราบชื่อ ชาวเอเชีย และชาวยุโรป หรือคนคล้าย ตรงนี้เป็นเรื่องที่อยู่ในดุลพินิจของศาลจะพิจารณา เมื่อท่านมองว่าเป็นเรื่องที่มีเหตุผลเพียงพอแล้วก็อยู่ในหลักเกณฑ์ที่ท่านจะสามารถใช้ดุลพินิจในการออกหมายจับได้ ก็เป็นเรื่องของศาล

“ก็เห็นออกหมายจับแบบนี้มาตลอดสุดท้ายก็จับได้ พอจับได้ก็เอามาเทียบเคียงกับพยานหลักฐาน ถ้ามันเป็นเรื่องเดียวกันหรือมีหลักฐานที่บ่งบอกได้ว่าเป็นคนเดียวกัน ก็สามารถดำเนินคดีได้ ยังมีหลักฐานอื่น ๆ อีก เราไม่ได้นำมาแถลงหรือนำมาเปิดเผย ซึ่งใช้ประกอบกับคำขออนุมัติต่อศาล ก็ต้องเข้าใจว่าบางสิ่งบางอย่างก็ไม่สามารถนำมาเปิดเผยให้สาธารณชนทราบได้ สิ่งที่พนักงานสอบสวนหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจทำ จนกระทั่งศาลใช้ดุลพินิจอนุมัติออกหมายจับก็ถือว่าสมบูรณ์แล้ว” ผบ.ตร.ระบุ

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า นอกจากผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ เชื่อว่า จะมีผู้ร่วมขบวนการอีก เพราะว่าขณะนี้บุคคลที่ปรากฏตามภาพในกล้องซีซีทีวีทั้งเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ และที่ท่าน้ำสาทร ประกอบกับคำให้การของพยาน ไม่ว่าจะเป็นรถจักรยานยนต์รับจ้าง หรือคนขับรถแท็กซี่ ในส่วนนี้เรายังไม่ยืนยัน หรือปักใจซะทีเดียวว่าเป็นชาวต่างชาติ ทั้งหน้าคล้ายฝรั่ง คล้ายแขกขาว คล้ายคนจีน หรือ คนหน้าตี๋ ตามที่สื่อมวลชนได้เคยเผยแพร่ไป ซึ่งขณะนี้เทคโนโลยีสมัยใหม่สามารถแต่ง และทำให้ใบหน้า หรือเสียงพูด หรือแม้แต่คำพูดจนทำให้ตำรวจไขว้เขวว่าเป็นชาวต่างชาติพูดภาษาไทยไม่ได้ เป็นคนจีน เพราะหน้าเหมือน แต่อาจจะเป็นคนหน้าอื่น ๆ หรือแม้แต่คนไทยเองก็ตาม อันนี้จากซีซีทีวีหรือคำให้การของพยานอย่างเดียวไม่เพียงพอ เพราะอะไรเดี๋ยวนี้ก็สร้างขึ้นได้เหมือนละครฉากหนึ่ง ซึ่งจะสร้างยังไงก็ได้ สร้างให้เข้าใจว่าเป็นคนแก่ เด็ก หรือเป็นผู้หญิงผู้ชาย บางทีช่วงเวลาสั้น ๆ ของประจักษ์พยาน หรือภาพซีซีทีวีที่ปรากฏก็ไม่สามารถจะแยกได้ว่าความจริงคืออะไร

เมื่อถามว่า มีการควบคุมชาวอุยกูร์ 3 คน ที่สระแก้วไว้สอบสวน ตำรวจคาดหวังว่าจะได้ข้อเท็จจริงอะไรจากเขา ผบ.ตร. กล่าวว่า ก็อย่างที่บอกว่าทุกเรื่องที่เป็นคำถาม ทุกเรื่องที่เป็นข้อสงสัย หรือทุกเรื่องที่พนักงานสืบสวนสอบสวนคิดว่ามันเป็นประเด็น เป็นเรื่องที่ควรจะต้องหาคำตอบหรือหาข้อยุติให้ได้ อย่างที่เคยบอกว่าสิ่งที่ปรากฏเป็นข่าว ตำรวจทำมากกว่าหลายเท่า เพียงแค่ตนไม่ได้มาเล่าให้ฟังเองว่าได้ทำอะไรไปบ้าง แต่ตนยืนยันตำรวจทำมากกว่าที่ปรากฏเป็นข่าวหลายเท่า

ต่อข้อถามว่าเรื่องนี้จะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า เราก็ไม่รู้เหมือนกัน การที่ด่วนสรุปว่าเป็นคนชาตินั้นชาตินี้ กลุ่มนั้นกลุ่มนี้ ขบวนการนั้นขบวนการนี้ อย่างไม่มีเหตุผลและไม่มีหลักฐานที่ชี้ชัดลงไป ด่วนสรุปว่าเป็นการขัดแย้งทางการเมือง ด่วนสรุปว่าเป็นการขัดแย้งอำนาจเก่า อำนาจใหม่ ความเกลียดชังเชื้อชาติ บุคลคล ขัดแย้งธุรกิจ ตลอดจนความเชื่อความศรัทธาในลัทธิและศาสนา ถ้าเราด่วนสรุปและเราตอบ หรือไม่มีเหตุผลที่จะตอบได้ เป็นเรื่องที่ไม่เกิดประโยชน์ทั้งสิ้น เป็นเรื่องที่อาจนำเอาความเดือดร้อนหรือความเสื่อมเสียและเสียหาย หรือความขัดแย้งและความไม่เข้าใจ จนกระทั่งความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศมาสู่ประเทศไทย พูดง่าย ๆ คือ หาเรื่องเข้าบ้าน หรือชักศึกเข้าบ้านทำนองนั้น

เมื่อถามว่า แต่อย่างน้อยเราก็ต้องมีข้อสรุป พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ตนสรุปก็ไม่ต้องบอกใครเข้าใจไหม ก็สรุปในใจตัวเอง อย่างที่ถามกันว่าเป้าหมายคนจีน เพราะพยายามจะโยงให้เป็นเรื่องอุยกูร์ ตนขอถามกลับว่า ถ้าจะลงมือกับคนจีนล้วน ๆ เพื่อให้มันมีผลชัดเจนว่าต้องการจะตอบโต้คนจีนในเรื่องอุยกูร์ ที่ราชประสงค์มีเฉพาะคนจีนหรือ วันเกิดเหตุมีคนจีนตาย 2 ศพเอง คนไทยตาย 6 คน และชาติอื่นอีกมันไม่ใช่มีเฉพาะคนจีน ถ้าเป็นตนจะลงมือกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนจีนไม่ใช่ที่นี่ คุณก็รู้แต่หลาย ๆ คน หลาย ๆ สื่อและหลาย ๆ สำนัก พยายามจะโยงให้เป็นอุยกูร์ เพราะเพิ่งมีเรื่องอุยกูร์ คิดแบบอื่นบ้าง ป่านนี้ตำรวจหลงทางไปหมดแล้ว ทำไมต้องที่นี่ อดีตเคยเกิดเหตุไหม มีคนบ้าเคยทุบพระพรหม เพราะอะไรเราต้องคิดถึงประเด็นพวกนี้บ้าง ถ้าจะลงมือกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนจีนที่อื่นดีกว่าจีนล้วน ๆ

เมื่อถามว่า แต่พฤติกรรมลักษณะนี้มองได้ว่าคนไทยกับคนไทยทำกันเอง พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะที่ผ่านมามันไม่รุนแรงเพียงพอ หรือว่าอะไรก็แล้วแต่ แต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุด ก็คือ พระพรหมเป็นแหล่งท่องเที่ยวของทุกชาติ และก็เกือบทุกภาษาที่เข้ามาในเมืองไทยต้องการมาเคารพสักการะ เพราะเป็นที่เลื่องลือว่าท่านศักดิ์สิทธิ์ ก็คือแหล่งท่องเที่ยว จุดท่องเที่ยว คนที่ลงมือมีเจตนาที่จะส่งผลหรือทำให้กระทบกับรัฐบาลในเรื่องการท่องเที่ยว เพราะใครๆ ก็รู้ว่ารายได้หลักของรัฐบาลที่มีอยู่ในขณะนี้ก็คือการท่องเที่ยว รายได้ที่เป็นกอบเป็นกำ คือ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นถึงลงมือที่กลุ่มท่องเที่ยว ตนกำลังบอกให้คิดในหลายมิติ อย่าเชื่อตน อย่าบอกว่าตนโน้มน้าว ไม่ใช่ เพราะตนเคยบอกไว้ว่าเหตุผลต่าง ๆ นานา ที่เคยพร่ำบอกมาตั้งแต่ต้นว่าน่าจะเป็นเรื่องนั้นเรื่องนี้ แล้วไม่ตัดเลยซักประเด็น ตราบใดที่ตนยังไม่มีคำตอบว่าทำไมตนถึงเชื่อและปักใจในประเด็นนี้

เมื่อถามว่า วิเคราะห์จากใครว่าจะได้ประโยชน์กับการท่องเที่ยวของประเทศไทย ผบ.ตร. กล่าวว่า ก็คนที่จะทำลายการท่องเที่ยวประเทศไทยและรัฐบาลไง ตนจึงวิงวอนไปถึงพี่น้องประชาชนคนไทย วิงวอนผ่านสื่อไปถึงคนที่มีหัวใจที่รักประเทศไทย ตราบใดที่เราพูดกันเสมอ ๆ ว่า มันเป็นการก่อการร้ายข้ามชาติ ลองคิดว่าถ้าด่วนสรุปว่าเป็นขบวนการก่อการร้ายข้ามชาติทั้งที่ไม่มีเหตุผลสนับสนุนว่าเป็นขบวนการก่อการร้ายข้ามชาติ ก็มีแค่ว่าผู้ต้องสงสัยหน้าตาคล้ายฝรั่งคล้ายแขกขาว และหน้าตาคล้ายคนจีน แล้วก็สรุปว่าน่าจะเป็นเรื่องที่เชื่อมโยงกับชาวต่างชาติ และเป็นขบวนการก่อการร้ายข้ามชาติ ลองประกาศออกไปว่าเป็นการก่อการร้ายข้ามชาติ แต่ละประเทศจะลดความน่าเชื่อถือและเตือนคนของเขาอย่ามาประเทศไทย ความวิบัติทางด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ถึงเวลาหรือยังที่พวกเราจะต้องรักประเทศไทย ลืมทุกสิ่งอย่างและมานึกถึงประเทศไทย

“อย่าคิดว่าจะเสนอข่าวในสิ่งที่คุณคิด ทฤษฎีที่คุณวิเคราะห์ว่ามันน่าจะเป็นขบวนการนั้นขบวนการนี้ ถ้าผมพูดฟันธงตามที่คุณอยากให้พูดว่าเป็นขบวนการก่อการร้ายข้ามชาติ อะไรจะเกิดขึ้น คิดกันบ้างครับ คิดถึงประเทศชาติกันบ้างอะไรจะเกิดขึ้นทีผมบอกมา เขาจะลดความน่าเชื่อถือ เพิ่มมาตรการความเข้ม อย่ามานะประเทศไทย ทัวร์ยกเลิกหมด นักท่องเที่ยวไม่มาก็เอวังประเทศไทย อย่ารีบด่วนสรุป ผมเห็นมีแต่สำนักข่าว หรือนักข่าวต่างชาติสำนักนู้นนี้วิเคราะห์กันเหยง ๆ กลับไปวิเคราะห์ที่บ้านคุณเถอะอย่ามายุ่งที่บ้านไทยเลย ไปเถอะบ้านคุณ เวลาที่บ้านคุณเคยวิเคราะห์แบบนี้ไหม ไม่หรอก พอเป็นประเทศอื่นก็เอาเลยกระทืบได้ก็กระทืบเลย ไปหากินบ้านคุณเถอะไปเถอะ อย่ามาทำให้บ้านเมืองผมเดือดร้อนไปกว่านี้เลย ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อคุณ แต่คุณไม่เคยวิเคราะห์ว่ารีบสรุปว่าใช้ทฤษฎีหรือแนวความคิดของพวกคุณ จะให้ผมเชื่อได้อย่างไร ไม่ใช่เตี่ยผมนี่ถึงต้องเชื่อ พูดแบบนี้ต้องการให้ไปออกด้วย” ผบ.ตร. กล่าว

เมื่อถามว่า เจ้าหน้าที่สามารถประเมิน ผบ.ตร. กล่าวว่า ยังไม่สิ้นสุด วานนี้ได้มีการหารือกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ท่านก็ได้พูดในประเด็นต่าง ๆ และมีการซักถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยฝ่ายสืบสวนและหน่วยงานที่รับผิดชอบในการประสานความช่วยเหลือกับประเทศที่ส่งเครื่องมือพิเศษเข้ามาช่วย ตำรวจก็ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ บางอย่างเราทำไปมากแล้วแต่บางอุปกรณ์บางอย่างต้องรออีก 2 สัปดาห์จึงจะใช้งานด้านเทคนิคได้รวมทั้งต้องรอขั้นตอนการขนส่งอีก เราก็ต้องรอ

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวถึงกรณีที่วัดพระธรรมกาย จะขอใช้พื้นที่จัดกิจกรรมรำลึกผู้เสียชีวิตบริเวณแยกราชประสงค์ ว่า หากมีการขอมาจริง ตนในฐานะที่ดูแลความปลอดภัยจะไม่อนุญาตเด็ดขาด เนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะหากมีประชาชนมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก อาจมีผู้ไม่หวังดีมาสร้างสถานการณ์ ซึ่งยากแก่การควบคุมดูแล และตนไม่กล้ารับผิดชอบ ถ้าจะขอต้องขอผู้ที่มีอำนาจมากกว่าตนแล้วส่งเรื่องลงมา ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาตนได้ปฏิเสธคำขอจากมหาเถรสมาคมที่ยื่นหนังสือขอใช้พื้นที่จัดกิจกรรมสวดมนต์ครบ 7 วัน ให้ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ระเบิดไปแล้วเช่นกัน ซึ่งมหาเถรสมาคมก็เข้าใจการทำหน้าที่ของตำรวจ โดยเปลี่ยนไปสวดมนต์ที่วัดสระเกศแทน แม้แต่พิธีตักบาตรทำบุญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.อ.ประวิตร จะมาเป็นประธาน ซึ่งท่านแจ้งว่าไม่เหมาะสมเพราะหากหน่วยงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดกิจกรรมได้ หน่วยงานอื่นจะมาจัดกิจกรรมบ้าง ซึ่งอาจเกิดความไม่ปลอดภัยขึ้นได้

“ถ้าอยากสวดมนต์ หรือรำลึกถึงผู้เสียชีวิตให้ไปสวดที่วัดก็ได้ ทางมหาเถรสมาคมก็ยังกลับไปจัดกิจกรรมที่วัดสระเกศแทนเช่นกัน ผมคิดว่าการจัดกิจกรรมที่คนหมู่มากมารวมตัวกันนั้นอาจเกิดความไม่ปลอดภัยขึ้นได้ หากเกิดอะไรขึ้นแล้วมันไม่คุ้มกัน ถ้ามาขอผมผมไม่ให้จัดแน่นอน” ผบ.ตร. กล่าว

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวถึงความคืบหน้าทางคดี ว่า ฝ่ายความมั่นคงมีการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดข้อมูลทุกวัน เวลา 10.00 น. โดยกำชับเจ้าหน้าที่ห้ามนำข้อมูลออกไปเผยแพร่เด็ดขาด โดยไม่ได้กังวลแต่อย่างใด เนื่องจากมั่นใจว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ส่วนกรณีเงินรางวัลนำจับในส่วนของ ตร. นั้นอยู่ที่ 3 ล้านบาท ไม่ว่าประชาชนคนนั้นจะแจ้งข้อมูลจนนำไปสู่กาการจับกุมไม่ว่ากรณีที่ราชประสงค์หรือที่ท่าเรือสาทรก็ได้เงินรางวัลเช่นกัน

เมื่อถามว่าเหตุระเบิดทั้ง 2 แห่งเชื่อมโยงกันหรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเป็นขบวนการเดียวกันหรือไม่ แต่พยานหลักฐานหรือวัตถุพยานมันคล้ายคลึงกัน ก็เชื่อว่าน่าจะเชื่อมโยงกัน แต่ต้องรอหลักฐานที่ชัดเจนกว่านี้ก่อน โดยตำรวจมั่นใจว่าจะสามารถจับกุมคนร้ายทั้ง 2 เหตุการณ์มาดำเนินคดีได้หากทุกอย่างมีหลักฐานที่ชัดเจน อย่างไรก็ตามขอให้สื่อมวลชนใช้วิจารณญาณในการนำเนอข่าวเพราะอาจเกิดความผิดพลาดอย่างที่ผ่านมาได้

เมื่อถามว่ามีอะไรที่ตำรวจยังไม่ได้ทำในคดีนี้อีกบ้าง พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า สื่อมวลชนเห็นว่ามีอะไรที่ตนยังไม่ได้ทำก็บอกมา ถ้าเป็นการให้ไปบนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตนก็จะไป แต่เชื่อต้องมีคนบนแล้วแน่นอน ทั้งนี้ ไม่ได้แปลว่าตำรวจหมดหนทางต้องไปพึ่งนิติไสยศาสตร์นะ แต่ว่าเรื่องแบบนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ไม่เชื่อลองไปถามนักสืบเก่งในประเทศไทยจะพบว่าทุกคนเชื่อเรื่องนี้ เพราะบางครั้งมันได้ผลจริง เป็นความเชื่อส่วนบุคคลใครจะบนก็ได้ แต่ตนทำไม่ได้ จะให้เดินไปบนพระพรหมในฐานะผู้นำองค์กรก็จะดูไม่ดี

ด้าน พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และโฆษก ตร. กล่าวว่า หลังจากที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ออกหมายจับชายตามภาพโดยไม่ทราบสัญชาติ ตามภาพถ่ายจากกล้องซีซีทีวี คาดว่า มีอายุประมาณ 25 - 30 ปี สูงประมาณ 170 เซ็นติเมตร รูปร่างสันทัด ใน 3 ข้อหาได้แก่ พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน กระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น และมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ใว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิด พบชายใส่เสื้อสีฟ้า ถือถุงผ้า และนำสิ่งที่คาดว่าเป็นวัตถุระเบิด มาวางไว้ บนสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน ระหว่างท่าเรือสาทร ก่อนจะเขี่ยถุงดังกล่าวลงไปในน้ำ เมื่อวันที่ 17 ส.ค. เวลาประมาณ 19.00 น. หลังเกิดเหตุระเบิดที่องค์พระพรหมเอราวัณ แยกราชประสงค์เพียงไม่กี่นาที และวัตถุดังกล่าวได้ระเบิดขึ้น ในวันที่ 18 ส.ค. เวลาประมาณ 13.00 น.

พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า การออกหมายจับในครั้งนี้ นอกจากใช้ภาพถ่ายจากกล้องซีซีทีวี ยังมีการสอบพยานเพิ่มเติม ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการเพิ่มความคมชัด และความละเอียดของภาพจากกล้องซีซีทีวี จากการสอบพยานเพิ่มเติม คาดว่าการก่อเหตุครั้งนี้มีผู้ร่วมขบวนการหลายคนในทีมงานนี้ เนื่องจากคนที่ประกอบระเบิด และคนที่ก่อเหตุเป็นคนละคนกัน

ส่วนการสอบปากคำแท็กซี่ที่รับชายเสื้อเหลืองตามหมายจับซึ่งก่อเหตุบริเวณแยกราชประสงค์ จากการสอบปากคำ 2 - 3 ครั้ง ยังให้การไม่ตรงกัน อาจเป็นเพราะเหตุการณ์ผ่านมาหลายวันแล้ว และมั่นใจว่าคนขับแท็กซี่ไม่ได้โกหก เนื่องจากได้รับผู้โดยสารคนนี้มาหลายวันแล้วและต้องใช้เวลาพยานในการทบทวนเหตุการณ์อีกครั้ง ส่วนการตรวจดีเอ็นเอจากวัตถุทั้งหมดที่ได้เป็นหลักฐาน ผลตรวจเก็บมาแล้ว และจะเก็บไว้เป็นหลักฐานหากมีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย อาจนำมาเปรียบเทียบตรวจดีเอ็นเอได้ทันที

 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น