“ประวุฒิ” ลงพื้นที่สั่งเจ้าหน้าที่สืบสวนเอกซเรย์พื้นที่ต้องสงสัยหาตัวคนร้ายทั่ว กทม. ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดย้อนหลังก่อนหน้าเกิดระเบิด 1 ชั่วโมง คาดทำเป็นขบวนการ เผยบุคคลที่สงสัยว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องอีก 3 คน ทั้งชายเสื้อแดง เสื้อขาว และหญิงเสื้อดำ มั่นใจจับคนร้ายได้แน่นอน
วันนี้ (20 ส.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปยังห้างอัมรินทร์พลาซ่าเพื่อเข้าตรวจสอบศูนย์ติดตั้งกล้องวงจรปิดบริเวณแยกราชประสงค์ รอบพื้นที่เกิดเหตุระเบิด พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพร้อมกับสั่งการให้ตรวจสอบย้อนหลังไป 1 ชั่วโมงก่อนเกิดเหตุเพื่อตรวจสอบข้อมูลของผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องว่ามีจำนวนกี่คน และมีความเคลื่อนไหวอะไรเกิดขึ้นก่อนเกิดเหตุบ้าง และไม่ให้ใครทำอะไรกับวงจรปิดทั้งหมดดังกล่าว แต่จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดจากโรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ ที่อยู่ใกล้กับศาลท้าวมหาพรหม ยังไม่พบทะเบียนของรถสามล้อที่รับผู้ต้องหามาจุดเกิดเหตุ ทั้งนี้วิงวอนให้ผู้ที่ขับรถสามล้อคนดังกล่าวเข้ามาพบตำรวจโดยด่วน
โฆษก ตร.กล่าวว่า นับจากวันนี้ไปตำรวจทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะมีการตรวจค้นแบบเอกซเรย์ในพื้นที่ทั่ว กทม.เพื่อเร่งค้นหาผู้ต้องสงสัย อย่างไรก็มั่นใจว่าคดีนี้จะสามารถจับกุมคนร้ายได้อย่างแน่นอน นอกจากออกหมายจับชายต้องสงสัย 1 คนแล้วยังมีบุคคลที่สงสัยว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องอีก 3 คนซึ่งมีภาพปรากฏในกล้องวงจรปิดขณะที่คนร้ายก่อเหตุ คือ ชายสวมเสื้อแดง ชายเสื้อขาว และหญิงเสื้อดำ ทั้งสามคนมีพฤติกรรมต้องสงสัย คือลุกให้นั่ง และทำท่าทางเหมือนยืนบังขณะที่คนร้ายวางกระเป๋า ทั้งนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบการเข้าและออกบริเวณศาลฯ ของทั้งสามคน กำลังตรวจดูภาพจากวงจรปิดทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุ แต่เชื่อว่าหากเป็นขบวนการคนร้ายคงไม่เข้าออกพร้อมกับชายเสื้อเหลืองที่วางระเบิด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นออกภาพสเกตช์ หรือขออนุมัติหมายจับ ทั้งสามคนยังเป็นเพียงการสงสัย ต้องตามตัวมาสอบปากคำ หากสืบสวนสอบสวนว่าเกี่ยวข้องก็เป็นขั้นตอนที่ต้องดำเนินการออกหมายจับกุมต่อไป
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ที่ตนพูดว่า ให้คนไทยช่วยกันให้ข้อมูลและเป็นหูเป็นตาในการป้องกันเหตุ เพราะเรากำลังเผชิญกับศึกนอกเนื่องจากผู้ที่ออกหมายจับเบื้องต้นระบุว่าเป็นชายต่างชาติ จึงพูดไปเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม ในทางคดีตำรวจพยายามสืบสวนสอบสวน ครอบคลุมทุกประเด็น โดยตั้งแต่เกิดเหตุก็มีการประสานข้อมูลไปยังอินเตอร์โพล หรือตำรวจสากล เพื่อตรวจสอบชข้อมูลและช่วยเหลือทุกๆ ด้าน