สตม. จับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวไต้หวัน 11 ราย ย่านดอนเมือง ใช้วิธี โทร. หลอกเหยื่อว่าค้างค่าโทรศัพท์ หากไม่จ่ายจะดำเนินคดี เผยได้ค่าจ้าง 50,000 บาทต่อเดือน พร้อมเปอร์เซ็นต์จากยอดที่หลอกลวงได้ โดยในแต่ละวันต้องทำยอดเงินให้ได้ประมาณ 2.4 ล้านบาท
วันนี้ (14 ส.ค.) เมื่อเวลา 17.00 น. ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ท.ศักดา ชื่นภักดี ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุกิจ โคอินทรางกูร, พล.ต.ต.ณัฐธร เพราะสุนทร, พล.ต.ต.ภาคภูมิ สัจจพันธุ์, พล.ต.ต.นุชิต ศรีสมพงษ์, พล.ต.ต.อภิรัต นิยมการ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.วราวุธ ทวีชัยการ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.หญิง วิลาวัณย์ ปิตาวรานนท์, พ.ต.อ.วรวัฒน์ อมรวิวัฒน์, พ.ต.อ.วีรพล สวัสดี, พ.ต.อ.เฉลิมพล จินตรัตน์ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชยวุฒิ จันทร์สมบูรณ์ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.ท.บันดล วงศ์ระรื่น รอง ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.ท.วุฒิชาติ บุตรศรีภูมิ สว.กก.1 บก.สส.สตม., ร.ต.อ.อัครวินทร์ อินทมุสิก, ร.ต.ท.รวีศักดิ์ สุริยภักดิ์ รอง สว.กก.1 บก.สส.สตม. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กก.1 บก.สส.สตม. ได้แถลงข่าวการจับกุมชาวไต้หวันลอบใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการก่ออาชญากรรมข้ามชาติ สามารถจับ นายเฉา ซู เหา (TASO SHU HAO) ชาวไต้หวัน พร้อมพวกรวม 11 ราย พร้อมของกลางเป็นจำนวนมาก อาทิเช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 3 เครื่อง, โทรศัพท์ตั้งโต๊ะ 24 เครื่อง, โทรศัพท์มือถือ จำนวน 22 เครื่อง วิทยุสื่อสาร 12 เครื่อง พร้อมด้วยอุปกรณ์สัญญาณอินเทอร์เน็ต โมเด็ม และเอกสารเกี่ยวกับการหลอกลวงจำนวนมาก ได้ที่บ้านเลขที่ 81 ช่างอากาศอุทิศ ซอย 6 แยก 2 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ
พ.ต.อ.ชยวุฒิ กล่าวว่า ลักษณะวิธีจะใช้คนที่ 1 โทรศัพท์เพื่อไปหลอกเหยื่อโดยการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของทางธนาคาร หรือพนักงานโทรคมนาคม ซึ่งตรวจพบข้อมูลว่าบัตรประชาชนของเหยื่อถูกนำไปเปิดใช้โทรศัพท์ และติดค้างค่าโทรศัพท์เป็นจำนวนมาก จากนั้นก็จะให้โอนสายให้คุยกับสายที่ 2 ซึ่งจะอ้างตนว่าเป็นตำรวจและแจ้งเหยื่อ ว่า มีการนำบัตรประชาชนไปใช้เปิดเบอร์โทรศัพท์ และค้างค่าบริการจริง จากนั้นก็จะคุยกับสายที่ 3 ซึ่งจะอ้างว่าเป็นเจ้าพนักงานอัยการ แจ้งเหยื่อว่าหากไม่ชำระค่าบริการที่ค้างจะต้องมีการดำเนินคดี หากเหยื่อหลงเชื่อและยินยอมชำระเงินก็จะแจ้งเลขที่บัญชีเพื่อให้เหยื่อโอนเข้ามาและจากการตรวจสอบ พบว่า มีชาวไต้หวัน 1 ราย คือ นางสาว ลิน เม็ง เชี่ยน (LIN MENG CHIEH) เป็นที่ต้องการตัวของทางการไต้หวัน เนื่องจากมีหมายจับในคดีฉ้อโกง จากการสอบถามเบื้องต้นได้ยอมรับว่า ชาวไต้หวันกลุ่มนี้ได้รับค่าจ้างเป็นรายเดือน ๆ ละ 50,000 บาท และจะได้เปอร์เซ็นต์จากยอดที่หลอกลวงได้อีกส่วนหนึ่ง โดยในแต่ละวันต้องทำยอดเงินให้ได้ประมาณ 480,000 หยวน (ประมาณ 2.4 ล้านบาท) โดยกลุ่มนี้ได้เข้ามาอยู่ในประเทศไทยประมาณ 3 เดือน คิดเป็นค่าเสียหายรวมแล้วประมาณ 225 ล้านบาท
เบื้องต้นได้ทำการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของนาย เฉา ซู เหา (TASO SHU HAO) ชาวไต้หวัน พร้อมพวกรวม 11 ราย และจะได้ขยายผลเพื่อหาผู้ร่วมขบวนการต่อไป
