ASTVผู้จัดการรายวัน-"พาณิชย์"ขอความร่วมมือผู้ประกอบการตรึงราคาสินค้า 205 รายการไปจนถึงสิ้นเดือนพ.ย. เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพให้ประชาชน "พาณิชย์"เผยแนวโน้มสินค้าอาจทรงตัวยาว เหตุแรงกดดันด้านต้นทุนไม่มี ชี้สินค้าบางรายการที่แพงขึ้น เหตุเป็นไปตามฤดูกาล ระบุมะนาวตอนนี้ราคาเหลือแค่ลูกละ 80 สตางค์เท่านั้น รวมถึงหมู ไก่ ไข่ ที่ราคาลดลงต่อเนื่อง
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงแนวทางการดูแลค่าครองชีพให้แก่พี่น้องประชาชนว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการให้ตรึงราคาสินค้าจำนวน 205 รายการ ซึ่งเป็นสินค้าที่จำเป็นต่อการอุปโภคบริโภคของพี่น้องประชาชน ทั้งหมวดอาหาร และของใช้ภายในบ้าน ไปจนถึงเดือนพ.ย.2558 เพื่อไม่เป็นการสร้างภาระต่อค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนโดยส่วนรวม เพราะเชื่อว่าอัตราราคาพลังงานเชื้อเพลิงที่ทรงตัวในระดับต่ำ จะช่วยให้ต้นทุนของผู้ประกอบการไม่เพิ่มสูงขึ้นจนกระทบต่อต้นทุนในการผลิตสินค้า และสามารถที่จะตรึงราคาต่อไปได้
"ต้องขอขอบคุณผู้ประกอบการทุกรายที่ให้ความร่วมมือกับรัฐบาล และเห็นประโยชน์ความจำเป็นในภาพรวมของประเทศที่ยังต้องฝ่าฟันภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ"
อย่างไรก็ตาม หากมีสินค้ารายการใดที่ผู้ประกอบการคิดว่าจำเป็นต้องขอปรับขึ้นราคา ทางกระทรวงพาณิชย์จะเชิญผู้ผลิตมาเจรจาเป็นรายๆ ไป เพื่อสอบถามและวิเคราะห์ต้นทุนก่อน
สำหรับสินค้าที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงพาณิชย์จำนวน 205 รายการ ครอบคลุมสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น ข้าวสารบรรจุถุง ไก่สด ไข่ไก่ เนื้อโค สุกรชำแหละ นมผง นมสด น้ำตาลทราย น้ำมันพืช สบู่ ผงซักฟอก ยาสีฟัน แชมพูสระผม ปูนซีเมนต์ กระเบื้อง สังกะสี เหล็กเส้น เป็นต้น
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรมฯ ได้มีการหารือร่วมกับผู้ประกอบการในสินค้ากลุ่มต่างๆ มีความเห็นตรงกันว่าขณะนี้ปัจจัยที่จะกระทบต่อต้นทุนการผลิตไม่มี และสามารถที่จะจำหน่ายสินค้าในราคาเดิมได้ต่อไป และพร้อมที่จะร่วมมือกับรัฐบาลในการไม่ปรับขึ้นราคาสินค้าไปจนถึงเดือนพ.ย.2558 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ผู้ประกอบการได้ให้ความร่วมมือในการตรึงราคามาโดยตลอดตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศ จนถึงรัฐบาลปัจจุบัน
ทั้งนี้ กรมฯ ประเมินว่าแม้จะพ้นช่วงขอความร่วมมือตรึงราคาเดือนพ.ย.2558 ไปแล้ว สถานการณ์ราคาสินค้าก็จะยังไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เพราะจากการหารือร่วมกับผู้ประกอบการเห็นตรงกันว่าต้นทุนการผลิตยังไม่เพิ่มขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวดี จึงไม่อยากที่จะขึ้นราคาซ้ำเติมประชาชน จึงเบาใจได้ว่าราคาสินค้าน่าจะทรงตัวอยู่ในระดับนี้ต่อไป
นายบุณยฤทธิ์กล่าวว่า สำหรับกรณีที่ประชาชนรู้สึกว่าของแพง ซึ่งต้องยอมรับว่าสินค้าบางรายการขึ้นอยู่กับฤดูกาล อย่างกลุ่มพืชผัก ช่วงหน้าร้อนและช่วงที่เจอภัยแล้ง ผลผลิตเข้าสู่ตลาดลดลง ราคาก็ปรับตัวสูงขึ้น แต่พอเข้าสู่หน้าฝน ผลผลิตเติบโตได้เร็ว และเข้าสู่ตลาดได้เพิ่มขึ้น ราคาก็ปรับตัวลดลง โดยเฉพาะมะนาว ที่ก่อนหน้านี้ราคาปรับขึ้นไปสูงสุดลูกละ 9-10 บาท แต่ตอนนี้ราคาเพียงลูกละ 80 สตางค์ ซึ่งถือว่าปรับตัวลดลงมาอย่างมาก ขณะที่กลุ่มเนื้อสัตว์ ทั้งเนื้อหมู ไก่ ไข่ไก่ ราคาก็ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง
"ตอนนี้รายจ่ายของประชาชนเพิ่มขึ้นมาก ทั้งค่าอินเทอร์เน็ต ค่าโทรศัพท์ ค่าเคเบิลทีวี ก็เลยทำให้เงินในกระเป๋าลดลง แต่หากดูในส่วนของราคาสินค้า ส่วนใหญ่มีราคาทรงตัว ไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้น ยกเว้นสินค้าที่เป็นไปตามฤดูกาลเท่านั้น"
นายบุณยฤทธิ์กล่าวอีกว่า กรมฯ กำลังจะเร่งรณรงค์แคมเปญให้ประชาชนฉลาดซื้อประหยัดใช้ โดยในการเลือกซื้อสินค้าและเลือกบริโภค ขอให้คำนึงถึงความคุ้มค่า ต้องตรวจสอบราคา ดูปริมาณ เพื่อเปรียบเทียบ ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ หากสามารถทำได้ ก็จะเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับตนเองและครอบครัวได้
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงแนวทางการดูแลค่าครองชีพให้แก่พี่น้องประชาชนว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการให้ตรึงราคาสินค้าจำนวน 205 รายการ ซึ่งเป็นสินค้าที่จำเป็นต่อการอุปโภคบริโภคของพี่น้องประชาชน ทั้งหมวดอาหาร และของใช้ภายในบ้าน ไปจนถึงเดือนพ.ย.2558 เพื่อไม่เป็นการสร้างภาระต่อค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนโดยส่วนรวม เพราะเชื่อว่าอัตราราคาพลังงานเชื้อเพลิงที่ทรงตัวในระดับต่ำ จะช่วยให้ต้นทุนของผู้ประกอบการไม่เพิ่มสูงขึ้นจนกระทบต่อต้นทุนในการผลิตสินค้า และสามารถที่จะตรึงราคาต่อไปได้
"ต้องขอขอบคุณผู้ประกอบการทุกรายที่ให้ความร่วมมือกับรัฐบาล และเห็นประโยชน์ความจำเป็นในภาพรวมของประเทศที่ยังต้องฝ่าฟันภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ"
อย่างไรก็ตาม หากมีสินค้ารายการใดที่ผู้ประกอบการคิดว่าจำเป็นต้องขอปรับขึ้นราคา ทางกระทรวงพาณิชย์จะเชิญผู้ผลิตมาเจรจาเป็นรายๆ ไป เพื่อสอบถามและวิเคราะห์ต้นทุนก่อน
สำหรับสินค้าที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงพาณิชย์จำนวน 205 รายการ ครอบคลุมสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น ข้าวสารบรรจุถุง ไก่สด ไข่ไก่ เนื้อโค สุกรชำแหละ นมผง นมสด น้ำตาลทราย น้ำมันพืช สบู่ ผงซักฟอก ยาสีฟัน แชมพูสระผม ปูนซีเมนต์ กระเบื้อง สังกะสี เหล็กเส้น เป็นต้น
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรมฯ ได้มีการหารือร่วมกับผู้ประกอบการในสินค้ากลุ่มต่างๆ มีความเห็นตรงกันว่าขณะนี้ปัจจัยที่จะกระทบต่อต้นทุนการผลิตไม่มี และสามารถที่จะจำหน่ายสินค้าในราคาเดิมได้ต่อไป และพร้อมที่จะร่วมมือกับรัฐบาลในการไม่ปรับขึ้นราคาสินค้าไปจนถึงเดือนพ.ย.2558 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ผู้ประกอบการได้ให้ความร่วมมือในการตรึงราคามาโดยตลอดตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศ จนถึงรัฐบาลปัจจุบัน
ทั้งนี้ กรมฯ ประเมินว่าแม้จะพ้นช่วงขอความร่วมมือตรึงราคาเดือนพ.ย.2558 ไปแล้ว สถานการณ์ราคาสินค้าก็จะยังไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เพราะจากการหารือร่วมกับผู้ประกอบการเห็นตรงกันว่าต้นทุนการผลิตยังไม่เพิ่มขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวดี จึงไม่อยากที่จะขึ้นราคาซ้ำเติมประชาชน จึงเบาใจได้ว่าราคาสินค้าน่าจะทรงตัวอยู่ในระดับนี้ต่อไป
นายบุณยฤทธิ์กล่าวว่า สำหรับกรณีที่ประชาชนรู้สึกว่าของแพง ซึ่งต้องยอมรับว่าสินค้าบางรายการขึ้นอยู่กับฤดูกาล อย่างกลุ่มพืชผัก ช่วงหน้าร้อนและช่วงที่เจอภัยแล้ง ผลผลิตเข้าสู่ตลาดลดลง ราคาก็ปรับตัวสูงขึ้น แต่พอเข้าสู่หน้าฝน ผลผลิตเติบโตได้เร็ว และเข้าสู่ตลาดได้เพิ่มขึ้น ราคาก็ปรับตัวลดลง โดยเฉพาะมะนาว ที่ก่อนหน้านี้ราคาปรับขึ้นไปสูงสุดลูกละ 9-10 บาท แต่ตอนนี้ราคาเพียงลูกละ 80 สตางค์ ซึ่งถือว่าปรับตัวลดลงมาอย่างมาก ขณะที่กลุ่มเนื้อสัตว์ ทั้งเนื้อหมู ไก่ ไข่ไก่ ราคาก็ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง
"ตอนนี้รายจ่ายของประชาชนเพิ่มขึ้นมาก ทั้งค่าอินเทอร์เน็ต ค่าโทรศัพท์ ค่าเคเบิลทีวี ก็เลยทำให้เงินในกระเป๋าลดลง แต่หากดูในส่วนของราคาสินค้า ส่วนใหญ่มีราคาทรงตัว ไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้น ยกเว้นสินค้าที่เป็นไปตามฤดูกาลเท่านั้น"
นายบุณยฤทธิ์กล่าวอีกว่า กรมฯ กำลังจะเร่งรณรงค์แคมเปญให้ประชาชนฉลาดซื้อประหยัดใช้ โดยในการเลือกซื้อสินค้าและเลือกบริโภค ขอให้คำนึงถึงความคุ้มค่า ต้องตรวจสอบราคา ดูปริมาณ เพื่อเปรียบเทียบ ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ หากสามารถทำได้ ก็จะเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับตนเองและครอบครัวได้