“พาณิชย์” ย้ำอีก น้ำดื่มไม่ขาด ขู่หากพบปั่นป่วน กักตุน โก่งราคา เตรียมออกมาตรการคุมราคาทันที พร้อมส่งสายตรวจออกตรวจถี่ยิบทุกวัน พบผิดปกติงัดกฎหมายเล่นงาน คุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท เล็งเปิดตัวร้านหนูณิชย์พาชิมที่บุรีรัมย์ เพื่อทางเลือกบริโภคจานด่วนราคาถูก ก่อนใช้เป็นโมเดลขยายไปยังจังหวัดอื่นๆ ทั่วไทย ปิ๊งไอเดียจับมือเวิร์คพอยท์ทำเกมโชว์ “ฉลาดซื้อประหยัดใช้” ออนแอร์ ก.ย.นี้
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์เตรียมพร้อมที่จะใช้มาตรการคุมราคาจำหน่ายน้ำดื่มทุกขนาด หากพบว่ามีการกักตุนสินค้า มีการสร้างความปั่นป่วน และมีการจำหน่ายโก่งราคา จนทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน เพราะจากการหารือกับผู้ผลิตน้ำดื่มรายใหญ่ เช่น ตราช้าง สิงห์ เนสท์เล่เพียวไลฟ์ น้ำทิพย์ คริสตัล เป็นต้น ซึ่งมีสัดส่วนการผลิตประมาณ 60% ของตลาดรวม ได้ยืนยันว่าไม่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง มีแหล่งน้ำใต้ดินใช้ผลิตเอง ปริมาณการผลิตยังเป็นปกติ สต๊อกมีเพียงพอสามารถจัดส่งได้ตามความต้องการ
“ผู้ผลิตยืนยันว่าสามารถผลิตน้ำดื่มได้เพียงพอต่อความต้องการ ไม่มีปัญหาขาดแคลน ประชาชนไม่ต้องวิตกกังวล โดยกระทรวงพาณิชย์ได้มีการดูแลในเรื่องนี้เต็มที่ มีการจัดส่งเจ้าหน้าที่สายตรวจออกไปตรวจสอบราคาและปริมาณการจำหน่ายอย่างใกล้ชิดและทำต่อเนื่องทุกวัน ถ้าหากพบมีการกักตุน การสร้างความปั่นป่วนด้านปริมาณและราคา ก็จะใช้กฎหมายจัดการทันที มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
ส่วนการตรวจสอบห้างค้าส่งค้าปลีกสมัยใหม่รายใหญ่ เช่น แม็คโคร เทสโก้โลตัส บิ๊กซี เป็นต้น พบว่าส่วนใหญ่มีน้ำดื่มวางจำหน่ายเพียงพอ แต่บางพื้นที่ปริมาณการจำหน่ายเพิ่มขึ้น ทำให้สินค้าพร่องไปจากชั้นวางสินค้าบางชั่วขณะ เช่น จังหวัดปทุมธานี ซึ่งทางห้างได้ยืนยันว่าได้มีการจัดเตรียมสินค้าให้เพียงพอต่อความต้องการแล้ว และราคาจำหน่ายก็ยังคงเดิม ไม่มีการปรับราคาเพิ่มสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันกระทรวงพาณิชย์ได้มีการกำกับดูแลสินค้าน้ำดื่มบรรจุขวด โดยให้ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายปลีก และมีประกาศราคาแนะนำน้ำดื่มบรรจุขวดพลาสติกใส (ขวด PET) ขนาดบรรจุ 500-600 มิลลิลิตร (มล.) ไม่แช่เย็นขวดละ 7 บาท แช่เย็นขวดละไม่เกิน 10 บาท และขนาดบรรจุ 1,500 มล. ไม่เกินขวดละ 14 บาท
พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า สำหรับการดูแลค่าครองชีพให้แก่ประชาชนในด้านอาหารปรุงสำเร็จ กระทรวงฯ จะมีการเปิดตัวร้านหนูณิชย์พาชิมที่จังหวัดบุรีรัมย์ในวันที่ 17 ก.ค. 2558 โดยเป็นการร่วมมือระหว่างหอการค้าจังหวัด ซัปพลายเออร์ และร้านค้าในพื้นที่ เปิดตัวร้านอาหารปรุงสำเร็จหนูณิชย์พาชิม เบื้องต้นมีจำนวน 92 ร้านในเขตเทศบาล ซึ่งกระทรวงฯ จะใช้บุรีรัมย์โมเดลในการขยายร้านหนูณิชย์พาชิมไปยังจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ ตั้งเป้าผลักดันให้เปิดให้ได้จังหวัดละ 100 ร้าน
“ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีร้านหนูณิชย์พาชิมเปิดตัวไปแล้วประมาณเกือบ 3 พันแห่ง ตอนนี้จะเร่งผลักดันให้มีการเปิดตัวในต่างจังหวัดให้ได้มากขึ้น โดยใช้บุรีรัมย์โมเดล ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนด้วยกันในการขยายร้านหนูณิชย์พาชิม โดยมีภาครัฐเข้าไปให้ความช่วยเหลือ”
นอกจากนี้ กระทรวงฯ กำลังจะจัดทำรายการเกมโชว์ “ฉลาดซื้อ ประหยัดใช้” ในช่องเวิร์คพอยท์ ทีวี ลักษณะรายการจะเป็นการเล่นเกม หรือแสดงให้เห็นว่าการฉลาดซื้อ ประหยัดใช้ โดยการใช้เงินที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร โดยจะเริ่มออนแอร์ได้ประมาณเดือน ก.ย. 2558 เวลา 3 ทุ่ม และอยู่ในรายการ 6 เดือน ตั้งงบดำเนินการ 10 ล้านบาท ทั้งนี้ จะมีการประสานทางช่อง 5 เพื่อนำรายการไปออกอากาศด้วย
พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวอีกว่า ไทยจะมีการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ไทย-เวียดนาม ครั้งที่ 2 ในวันที่ 20-22 ก.ค. 2558 โดยจะมีการหารือเพื่อผลักดันเป้าหมายการค้าระหว่างกันให้เพิ่มขึ้นเป็น 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปี 2563 การเพิ่มความร่วมมือการค้าสินค้ายางพาราและข้าว การร่วมมือด้านการขนส่งทางถนนผ่านไทย สปป.ลาว และเวียดนาม การขอให้เวียดนามเปิดให้ธนาคารพาณิชย์ของไทยเข้าไปลงทุนเพิ่มเติม การร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญา การแก้ไขปัญหาเวียดนามห้ามนำเข้าผลไม้ไทย และการจัดทำแผนปฏิบัติการความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน เป็นต้น
ทั้งนี้ ไทยยังได้รับข่าวดีหลังจากที่สหภาพยุโรป (อียู) ได้ประกาศขึ้นทะเบียนกาแฟดอยตุงและกาแฟดอยช้างของไทยเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ในอียูแล้ว ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 20 ส.ค. 2558 ถือเป็นสินค้าอันดับที่ 2 และ 3 ที่ได้ขึ้นทะเบียน GI ตามหลังข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งจะช่วยให้สินค้าไทยทำตลาดในยุโรปได้ดีขึ้น