ตร.ย้ำโอนหุ้น “ชูวงษ์” เป็นขบวนการ ขยายผลไปสู่การเสียชีวิต

โฆษก ตร.วอนผู้เกี่ยวข้องรับโอนหุ้น “เสี่ยชูวงษ์” ขอความคุ้มครอง ตร.เกรงอันตราย ย้ำเป็นขบวนการเครือข่ายราว 9 คน และอาจเชื่อมโยงนำไปสู่การเสียชีวิต

วันนี้ (12 ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนกรณีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และความผิดปกติในการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท หลังจาก พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ออกมาระบุว่าให้ผู้ที่รู้ตัวว่าเกี่ยวข้องออกมาพบตำรวจเพราะเกรงไม่ได้รับความปลอดภัย กล่าวว่า ยังไม่มีผู้ใดติดต่อพบตำรวจ ในส่วนคดีกำลังตรวจสอบเอกสารการโอนหุ้นและไฟล์เสียงในการทำธุรกรรมเนื่องจากมีหลายไฟล์ต้องนำมาเลือกและตรวจสอบ ทั้งนี้ ตำรวจได้ประสานขอไปยังบริษัทโบรกเกอร์เป็นข้อมูลไฟล์เสียงย้อนหลังไป 3 เดือน แบบไม่ตัดต่อ ไฟล์เสียงที่บริษัทโบรกเกอรส่งมาตอนแรกเป็นการเข้าใจผิดจึงส่งมาแบบตัดต่อ เมื่อได้รับฉบับเต็มมาแล้วจึงต้องนำมาเลือกฟัง คาดว่า 1 สัปดาห์จะทราบ ส่วนของลายเซ็นนั้นจบไปแล้ว ตอนนี้ต้องพิสูจน์ว่าในการแปลงวัตถุประสงค์การทำธุรกรรมนั้นนายชูวงษ์รับรู้หรือไม่ ผ่านช่องทางใด อีเมลหรือเอกสาร

โฆษก ตร.กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่ามีผู้เกี่ยวข้อง 9 คน ว่ายังไม่ทราบจำนวนคน ส่วน 9 คนมาจากไหนไม่ทราบจริงๆ อย่างน้อยมี 2 บริษัทโบรกเกอร์เข้ามาเกี่ยวข้อง คนที่ทำกรอกข้อมูลเอกสารหุ้นต้องรู้เรื่อง ดูแต่ละอันใครเกี่ยว คนกรอกข้อมูลคนแรกและคนที่กรอกคนหลังต้องเชิญมาสอบสวนทั้งหมด โดยเฉพาะคนคนกรอกภายหลัง หากพบว่าไม่มีอำนาจถือว่าเป็นการปลอม มีความผิด ยิ่งถ้าปลอมแล้วเกิดความเสียหาย ขณะนี้เสียหายแล้วเนื่องจากญาติมาร้องว่าไม่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ต้องพิสูจน์ว่านายชูวงษ์รู้เรื่องหรือไม่ ถ้ารู้คือยินยอม ตรงนี้ต้องใช้ความละเอียดในการตรวจสอบ

เมื่อถามว่าคนที่เกี่ยวข้องคดีนี้อาจถูกทำร้าย แสดงว่ามีการสาวไปถึงคนที่อยู่เบื้องหลัง โฆษก ตร.กล่าวก็มีข้อมูลว่าคนที่เกี่ยวข้องอาจมีอันตราย

“พยายามติดต่อมาคุย ต้องมาดูแล คนนี้รู้ความลับ อยู่ในวง รู้ทั้งหมดเกี่ยวกับการโอนหุ้น ถ้าเรื่องนี้มีการทำผิดจริงคนที่รู้อันตราย หากความพยายามโอนเป็นไปโดยทุจริต คนที่รู้ที่เกี่ยวข้องอันตราย บางคนในกลุ่มนี้เรียกมาสอบเป็นพยานแล้ว บางคนยังไม่เรียกมา หมายความรวมทั้งหมด 2 สาวที่เป็นพริตตี้ และโบกเกอร์ด้วย คนที่รู้เรื่อง คนทุกระดับ อาจได้รับอันตรายทั้งนั้น เท่าที่ทราบเกินกว่า 2 คน เยอะเหมือนกัน ทางที่ดีออกมาพูดมาคุยติดต่อกับตำรวจไว้ อย่างไรก็ยังไม่ถึงขั้นพบความเคลื่อนไหวว่าคนที่เสียผลประโยชน์จากการทำคดีนี้จะทำการใด แต่เราเตือนไว้เพื่อความปลอดภัย” พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าที่นายชูวงษ์เสียชีวิต เหตุจากเรื่องนี้หรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ต้องแยกความผิด ขณะนี้ยังไม่ชัดว่าผิด ถ้าชัดคงออกหมายแล้ว ตอนนี้เพียงค่อนข้างเชื่อว่ามีการกระทำความผิดและเกี่ยวพันกับคนหลายคน และอาจเกิดความไม่ปลอดภัยกับพยานสำคัญ การโอนหุ้นนี้ทำเป็นขบวนการ หลายคนช่วยกัน ผ่านมือหลายคน หลายขั้นตอน มี 2 บริษัท ใกล้เคียงกัน กระทำกับคนคนเดียว

เมื่อถามว่าจากตรวจสอบพบว่าคนที่เกี่ยวข้องที่ตำรวจพูดถึงยังถือหุ้นในบริษัทโบรกเกอร์หรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ตรวจสอบแล้ว ไม่พบเกี่ยวข้องถือหุ้น แต่รู้จักกัน นักลงทุน ผู้ใหญ่ในไทยรู้จักกันหมด ยังพบว่าเกี่ยวกับบริษัทเดียว ทั้งนี้ไม่พบความขัดแย้งกัน รอให้ทุกอย่างคลี่คลายกระจ่างจะรู้เองว่าเหตุผลคืออะไร ขณะนี้ยังมีเรื่องทำต่อต้องตรวจหลายรอบ รวมทั้งผลชันสูตรของนิติเวช ที่ญาตินายชูวงษ์นำมามอบให้ล่าสุด ต้องตรวจสอบอีกครั้งเนื่องจากรายละเอียดยังไม่ครบ