กรณีการเสียชีวิตของ นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง อายุ 50 ปี นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และประธานกลุ่มวิทยาตลาดทุน กิจการเพื่อสังคม (วตท.) รุ่นที่ 20 จากอุบัติเหตุรถเสียหลักพุ่งชนต้นไม้อย่างมีเงื่อนงำ บนรถยนต์เล็กซัส สีดำ ทะเบียน ภฉ 1889 กรุงเทพมหานคร โดยมี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต ส.ส.นครสวรรค์ และอดีต รมช.พาณิชย์ เป็นผู้ขับขี่ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้ส่งหนังสือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้ส่งเจ้าหน้าที่ของก.ล.ต.เข้าให้ข้อมูลประเด็นขั้นตอนการทำธุรกรรมโอนหุ้น โดยได้มีการนัดหมายให้เข้าให้ข้อมูลกับทางพนักงานสอบสวนในวันจันทร์ที่ 3 ส.ค.นี้ รวมทั้งสัปดาห์หน้าทาง พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร. จะเรียกประชุมชุดคลี่คลายคดี ทั้งในส่วนของทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล และสรุปประเด็นร่วมกัน
สำหรับผลการตรวจเอกสารการโอนหุ้นทั้งสองฉบับนั้น พบว่า เอกสารการโอนหุ้นให้น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล มูลค่า 228 ล้านบาท และเอกสารการโอนหุ้นให้น.ส.ศรีธรา พรหมา มูลค่า 40 ล้านบาท พบพิรุธชัดแจ้งหลายจุด ถึงแม้ว่าจากการตรวจสอบจะพบว่าลายเซ็นโอนหุ้นจะเป็นของนายชูวงษ์จริง แต่มีการตั้งข้อสังเกตในรายละเอียดในเอกสารที่พบว่า มีร่องรอยการแก้ไขหลายจุด ซึ่งหนึ่งในร่องรอยนั้น คือการแก้ไขจุดประสงค์การโอนหุ้น โดยใช้น้ำยาพิเศษ ซึ่งไม่ใช่ลิควิด และยางลบในการลบหมึกและตัวอักษร ทำให้ดูแนบเนียน หากมองด้วยตาเปล่าจะไม่เห็นร่องรอยการลบหรือแก้ไข โดยจากการตรวจสอบทางเทคนิคพบว่า ร่องรอยที่ถูกลบทิ้ง แก้ไขจากการจำนำหุ้น เป็นการโอนหุ้น ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว รวมทั้งจะนำเอกสารสองฉบับให้กับทาง ก.ล.ต. เพื่อตรวจสอบในเบื้องต้นด้วยเช่นกัน
ด้านนายเสกสรร เสนาชู ทนายความของน.ส.กัญฐณา ศิวธนพล เปิดเผยว่า ทั้งนี้สืบเนื่องจากหลังจากที่ น.ส.กัญฐณา ได้รับโอนหุ้นจากนายชูวงษ์ ซึ่งเป็นหุ้นอีเอในกลุ่มธุรกิจพลังงาน จำนวน 9.5 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 24 บาท รวมมูลค่ากว่า 228 ล้านบาท ก็ได้ขายทอดตลาดไปกว่า 3.6 ล้านหุ้น จากนั้นก็ได้นำเงินไปฝากธนาคารกรุงเทพ และนำเงินที่ขายได้ส่วนหนึ่งไปซื้อหุ้น วิน (win) ซึ่งเป็นหุ้นพลังงานเช่นกัน กว่า 10 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.05 บาท ต่อมาเมื่อเกิดเรื่องทางพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการอายัดหุ้น และห้ามดำเนินการทำธุรกรรม ส่งผลให้ในเวลาต่อมาหุ้นที่ลูกความตนครอบครองราคาตกลง จนถึงขณะนี้หุ้นกลุ่มอีเอ ตกลงมาอยู่ที่ 21.40 บาท และหุ้นกลุ่มวิน ตกลงมาอยู่ที่ 0.85 สตางค์ เกิดความเสียหายกว่า 16 ล้านบาท อย่างไรก็ตามตนเห็นว่าจนถึงขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนน่าจะสรุปสำนวนได้แล้ว เนื่องจากทางลูกความตนได้รับความเสียหาย โดยในวันที่ 3 ส.ค.นี้ เวลา 09.00 น. ตนจะเข้ายื่นหนังสือต่อ พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป.เพื่อให้ดำเนินการในประเด็นถอนอายัดหุ้น
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้ส่งหนังสือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้ส่งเจ้าหน้าที่ของก.ล.ต.เข้าให้ข้อมูลประเด็นขั้นตอนการทำธุรกรรมโอนหุ้น โดยได้มีการนัดหมายให้เข้าให้ข้อมูลกับทางพนักงานสอบสวนในวันจันทร์ที่ 3 ส.ค.นี้ รวมทั้งสัปดาห์หน้าทาง พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร. จะเรียกประชุมชุดคลี่คลายคดี ทั้งในส่วนของทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล และสรุปประเด็นร่วมกัน
สำหรับผลการตรวจเอกสารการโอนหุ้นทั้งสองฉบับนั้น พบว่า เอกสารการโอนหุ้นให้น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล มูลค่า 228 ล้านบาท และเอกสารการโอนหุ้นให้น.ส.ศรีธรา พรหมา มูลค่า 40 ล้านบาท พบพิรุธชัดแจ้งหลายจุด ถึงแม้ว่าจากการตรวจสอบจะพบว่าลายเซ็นโอนหุ้นจะเป็นของนายชูวงษ์จริง แต่มีการตั้งข้อสังเกตในรายละเอียดในเอกสารที่พบว่า มีร่องรอยการแก้ไขหลายจุด ซึ่งหนึ่งในร่องรอยนั้น คือการแก้ไขจุดประสงค์การโอนหุ้น โดยใช้น้ำยาพิเศษ ซึ่งไม่ใช่ลิควิด และยางลบในการลบหมึกและตัวอักษร ทำให้ดูแนบเนียน หากมองด้วยตาเปล่าจะไม่เห็นร่องรอยการลบหรือแก้ไข โดยจากการตรวจสอบทางเทคนิคพบว่า ร่องรอยที่ถูกลบทิ้ง แก้ไขจากการจำนำหุ้น เป็นการโอนหุ้น ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว รวมทั้งจะนำเอกสารสองฉบับให้กับทาง ก.ล.ต. เพื่อตรวจสอบในเบื้องต้นด้วยเช่นกัน
ด้านนายเสกสรร เสนาชู ทนายความของน.ส.กัญฐณา ศิวธนพล เปิดเผยว่า ทั้งนี้สืบเนื่องจากหลังจากที่ น.ส.กัญฐณา ได้รับโอนหุ้นจากนายชูวงษ์ ซึ่งเป็นหุ้นอีเอในกลุ่มธุรกิจพลังงาน จำนวน 9.5 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 24 บาท รวมมูลค่ากว่า 228 ล้านบาท ก็ได้ขายทอดตลาดไปกว่า 3.6 ล้านหุ้น จากนั้นก็ได้นำเงินไปฝากธนาคารกรุงเทพ และนำเงินที่ขายได้ส่วนหนึ่งไปซื้อหุ้น วิน (win) ซึ่งเป็นหุ้นพลังงานเช่นกัน กว่า 10 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.05 บาท ต่อมาเมื่อเกิดเรื่องทางพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการอายัดหุ้น และห้ามดำเนินการทำธุรกรรม ส่งผลให้ในเวลาต่อมาหุ้นที่ลูกความตนครอบครองราคาตกลง จนถึงขณะนี้หุ้นกลุ่มอีเอ ตกลงมาอยู่ที่ 21.40 บาท และหุ้นกลุ่มวิน ตกลงมาอยู่ที่ 0.85 สตางค์ เกิดความเสียหายกว่า 16 ล้านบาท อย่างไรก็ตามตนเห็นว่าจนถึงขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนน่าจะสรุปสำนวนได้แล้ว เนื่องจากทางลูกความตนได้รับความเสียหาย โดยในวันที่ 3 ส.ค.นี้ เวลา 09.00 น. ตนจะเข้ายื่นหนังสือต่อ พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป.เพื่อให้ดำเนินการในประเด็นถอนอายัดหุ้น