ทนายแคดดี้สาวพบ ผบก.ป.ขอถอนอายัดหุ้นอีเอในกลุ่มธุรกิจพลังงานจากนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง อ้างเพียงหลังการอายัดหุ้น 2 สัปดาห์ได้รับความเสียหายเนื่องจากหุ้นร่วง 16 ล้าน ด้าน ก.ล.ต.เดินทางเข้าให้ข้อมูลเกี่ยวกับระเบียบการโอนหุ้น เพื่อคลี่คลายปมข้อสงสัยเกี่ยวกับการโอนหุ้น พบมีพิรุธแก้ไขเอกสารถือว่ามีความผิด
วันนี้ (3 ส.ค.) ที่กองปราบปราม นายเสกสรร เสนาชู ทนายความของ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล อายุ 26 ปี แคดดี้สาวซึ่งได้รับการโอนหุ้นอีเอในกลุ่มธุรกิจพลังงานจากนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง จำนวน 9.5 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 24 บาท รวมมูลค่ากว่า 228 ล้านบาท เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป. เพื่อยื่นหนังสือขอถอนการอายัดหุ้นดังกล่าว หลังจากได้รับผลกระทบจากที่พนักงานสอบสวนได้ทำการอายัดหุ้น ห้ามทำธุรกรรม ส่งผลให้หุ้นดังกล่าวรวมถึงหุ้นที่ น.ส.กัญฐณาลงทุนซื้อใหม่นั้นราคาตกจนเกิดความเสียหายเป็นมูลค่ากว่า 16 ล้านบาท
นายเสกสรรกล่าวว่า กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทางพนักงานสอบสวน บก.ป.ได้อายัดหุ้นห้ามทำธุรกรรมต่างๆ เกี่ยวกับหุ้นของ น.ส.กัญฐณา ซึ่งเดิมทีมีหุ้นอีเอในกลุ่มธุรกิจพลังงานจำนวน 9.5 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 24 บาท รวมมูลค่ากว่า 228 ล้านบาท ก่อนจะแบ่งขายทอดตลาดไปกว่า 3.6 ล้านหุ้น แล้วนำเงินที่ขายได้ส่วนหนึ่งไปซื้อหุ้นวิน (win) หุ้นพลังงานเช่นกัน กว่า 10 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.05 บาท ภายหลังจากตรวจสอบยอดรวมการปิดตลาดหุ้นเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา พบว่าหุ้นในกลุ่มอีเอ ราคาตกลงมาอยู่ที่ 21.40 บาท และหุ้นกลุ่มวิน ตกลงมาอยู่ที่ 0.85 สตางค์ เกิดความเสียหายรวมเป็นมูลค่ากว่า 16 ล้านบาท เป็นช่วงเวลาเพียง 2 สัปดาห์หลังจากพนักงานสอบสวนทำการอายัดหุ้นดังกล่าว
นายเสกสรรกล่าวต่อว่า ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตในรายละเอียดของเอกสารที่พบว่ามีร่องรอยการแก้ไขหลายจุด หนึ่งในร่องรอยนั้นคือการแก้ไขจุดประสงค์การโอนหุ้นจากเดิมที่เป็นการจำนำเปลี่ยนมาเป็นการโอนหุ้นให้ รวมถึงจำนวนหุ้น โดยใช้น้ำยาพิเศษนั้น เบื้องต้นตนยังไม่เห็นเอกสารดังกล่าว แต่จากการสอบถามข้อเท็จจริงกับ น.ส.กัญฐณา ลูกความของตนทราบว่า พอทราบอยู่ก่อนแล้วว่าเอกสารดังกล่าวมีร่องรอยการแก้ไขมาก่อน แต่ยืนยันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแก้ไขเอกสาร เพียงแต่เป็นผู้กรอกรายละเอียดข้อมูลลงไปในเอกสารตามที่นายชูวงษ์เป็นผู้สั่งการให้กรอกเท่านั้น ทั้งนี้ การแก้ไขรายละเอียดเอกสารดังกล่าวหากได้รับความยินยอมจากนายชูวงษ์ หรือผู้โอนหุ้น ก็อาจไม่ผิดแปลกแต่อย่างใด สำคัญที่ว่าลายเซ็นนั้นเป็นของนายชูวงษ์จริงหรือไม่ เรื่องนี้อยากให้ไปสอบกับทางโบรกเกอร์เองจะดีกว่า
ด้าน พล.ต.ต.อัคราเดชกล่าวว่า สำหรับการยื่นเรื่องถอนอายัดหุ้นของ น.ส.กัญฐณานั้น เบื้องต้นได้รับเรื่องไว้พิจารณา ส่วนความคืบหน้าในส่วนของการตรวจสอบปมข้อสงสัยเกี่ยวกับการโอนหุ้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำพยานผู้เกี่ยวข้องไปแล้ว 20 ปาก รวมไปถึงเอกสารธุรกรรมเกี่ยวกับการโอนหุ้นดังกล่าวก็ได้มีการประสานส่งเอกสารหลักฐานต่างๆ ไปให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการตรวจพิสูจน์ทราบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของลายมือที่พบในเอกสารซึ่งถูกตั้งข้อสงสัยว่าเป็นลายมือของนายชูวงษ์หรือไม่นั้น พล.ต.ต.อัคราเดชกล่าวอีกว่า ได้รับรายงานจากทางพนักงานสอบสวนว่าหากไม่มีอะไรติดขัดก็จะได้รับรายละเอียดข้อมูลจากการตรวจสอบจากกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ในวันเดียวกันนี้ หากพบว่ามีการแก้ไขรายละเอียดหรือพบข้อพิรุธต่างๆ ในเอกสารก็ต้องพิจารณาอีกทีว่าเข้าข่ายความผิดทางกฎหมายใดรวมถึงอาจจะต้องพิจารณาเรียก น.ส.กัญฐณา มาให้ปากคำเกี่ยวกับข้อพิรุธอีกครั้ง แต่ถ้าพบความผิดเข้าตามหลักกฎหมายก็จะดำเนินการทันที นอกจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เดินทางเข้าให้ข้อมูลเกี่ยวกับระเบียบการโอนหุ้นซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการคลี่คลายปมข้อสงสัยเกี่ยวกับการโอนหุ้นของนายชูวงษ์อย่างมาก
ขณะที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ส่งตัวแทนเข้าให้ข้อมูลต่อ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป. และชุดสอบสวน ในประเด็นเรื่องขั้นตอนการโอนหุ้น และการทำธุรกรรมต่างๆ กฎระเบียบของบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ โดย พล.ต.ท ประวุฒิ กล่าวภายหลังการประชุมหารือร่วมกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ว่าวันนี้เป็นการสอบถามรายละเอียดหน้าที่ของโบรกเกอร์ว่ามีขั้นตอนการปฏิบัติอย่างไร และหุ้น 2 หุ้นที่ตรวจมีความผิดปกติหรือไม่ จากการสอบถามพบว่าการโอนหุ้นต้องมีการตรวจสอบจากฝ่ายบัญชีก่อนการโอนผ่านทางโทรศัพท์
นอกจากนี้ยังพบว่า เอกสารมีความผิดปกติ 2-3 จุด แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะอยู่ในกระบวนการตรวจสอบ จากการสอบถามจาก น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล ยืนยันว่าตนเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด หรือฝ่ายมาร์เกตติ้ง ทำหน้าที่ดูแลตลาดหลักทรัพย์ที่นายชูวงษ์เวลาใช้บริการเท่านั้น
ส่วนโบรกเกอร์ของนายชูวงษ์ทางเจ้าหน้าที่จะเรียกตัวมาสอบปากคำอีกครั้ง ขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อได้ ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายในเชิงปฏิบัติแล้ว การแก้ไขเอกสารเหล่านี้ถือว่ามีการกระทำผิด เพราะไม่สามารถทำได้ ขณะที่ผลรายงานจากกองพิสูจน์หลักฐานได้สรุปมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ขอเวลารวบรวม และจะแถลงข่าวทั้งหมดอีกครั้ง
