“เมียบิลลี่” ร้องดีเอสไอรับคดีบิลลี่เป็นคดีพิเศษ หลัง 1 ปี 4 เดือนคดีไม่คืบ พร้อมขอทราบผลตรวจคราบเลือดในรถเจ้าหน้าที่หัวหน้าอุทยานว่าตรงกับดีเอ็นเอของนายบิลลี่หรือไม่
วันนี้ (6 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นางอังคณา นีละไพจิตร ประธานมูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพ พร้อมด้วย น.ส.พิณนภา หรือมุนอ พฤกษาพรรณ ภรรยานายพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ สมาชิก อบต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย ที่หายตัวไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2557 เดินทางเข้าพบนางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนขอให้ดีเอสไอรับคดีการหายตัวไปของนายบิลลี่เป็นคดีพิเศษ และขอให้ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงจากผู้ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากเวลาผ่านไปประมาณ 1 ปี 4 เดือนแล้วแต่คดียังไม่มีความคืบหน้า จึงอยากให้ดีเอสไอรื้อคดีมาพิจารณาอีกครั้ง พร้อมทั้งขอทราบผลการตรวจคราบเลือดที่พบในรถของเจ้าหน้าที่หัวหน้าอุทยานว่าตรงกับดีเอ็นเอของนายบิลลี่หรือไม่ และขอให้ใช้พนักงานสอบสวนชุดเดิมทำงานควบคู่กับดีเอสไอ โดยมี พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ เป็นผู้รับเรื่อง
น.ส.พิณนภากล่าวว่า ที่ผ่านมาตนถูกข่มขู่จากชาวบ้านและครูสอนศาสนาที่อยู่ในหมู่บ้านว่าอย่าไปดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับคดีบิลลี่ ไม่งั้นจะถูกเก็บไปอีกคน การข่มขู่ดังกล่าวทำให้ตนรู้สึกหวาดกลัวไม่สามารถทำมาหากินและเดินทางไปไหนมาไหนได้ตามปกติ นอกจากนี้ยังทำให้ตนไม่กล้าเดินทางผ่านบริเวณอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เนื่องจากหัวหน้าอุทยานฯ ยังอยู่ในพื้นที่ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้มีคำสั่งโยกย้ายออกนอกพื้นที่ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ทางดีเอสไอดำเนินการสอบสวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ว่าการหายตัวไปของนายบิลลี่ เจ้าหน้าที่รัฐมีอำนาจอะไรในการลักพาตัวไป หากนายบิลลี่กระทำความผิดจริง ทำไมจึงไม่นำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้ ในส่วนของผลตรวจทางนิติวิทยาศาตร์ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้เข้าไปเก็บหลักฐาน เช่น เสื้อคลุม รองเท้า ผ้าห่มของนายบิลลี่ และหลักฐานอื่นๆ ไปทำการตรวจสอบเพื่อคลี่คลายคดี แต่ถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ให้ตนทราบ
ด้าน พ.ต.ต.วรณันกล่าวว่า สำหรับคดีการหายตัวไปของนายบิลลี่นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงซึ่งเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน อีกทั้งยังได้มีการขยายเวลานการสืบสวนด้วย อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์นั้น ขณะนี้เราได้ผลการตรวจสอบมาบางส่วนแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะบางส่วนต้องดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติม หากได้ข้อเท็จจริงเพียงพอและเข้าข่ายว่าเป็นการฆาตกรรมหรืออุ้มลักพาตัวก็จะทำการเสนออนุกรรมการคีพิเศษให้พิจารณารับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษหรือไม่ต่อไป รวมถึงพิจารณาเรื่องการคุ้มครองพยานด้วย