ASTVผู้จัดการ - “อธิบดีดีเอสไอ” ผิดหวังไทยถูกจัดอยู่เทียร์ 3 ระบุสหรัฐฯ ประเมินจากข้อมูลเก่า มั่นใจไทยจัดการปัญหาค้ามนุษย์อย่างจริงจัง ขณะที่ ผบ.ตร.ไม่แปลกใจไทยถูกจัดอันดับเดิม เพราะอเมริกานำข้อมูลเก่าเดือน มี.ค.มาพิจารณา
วันนี้ (28 ก.ค.) นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะเลขานุการศูนย์กระบวนการยุติธรรมเพื่อเร่งรัดและเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการการดำเนินคดีการค้ามนุษย์ กล่าวถึงกรณีประเทศสหรัฐอเมริการายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ ประจำปี 2558 ซึ่งประเทศไทยยังติดอยู่ในระดับเทียร์ 3 ว่า ตนรู้สึกผิดหวังกับผลที่ออกมาในครั้งนี้ เมื่อดูระยะเวลาที่ใช้ในการประเมินในครั้งนี้นั้นพบว่าเป็นข้อมูลเก่าที่สิ้นสุดเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จึงไม่น่าแปลกใจที่ผลการประเมินประเทศไทยยังถูกจัดให้อยู่ในระดับเทียร์ 3 เหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม ผลงานหลังจากเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทางรัฐบาลไทยได้ดำเนินการกับปัญหาดังกล่าวโดยบูรณาการทำงานกับหน่วยได้อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น และสามารถจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญได้หลายราย ทั้งนี้ ปัญหาการค้ามนุษย์ถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรงของโลก ส่งผลทบในเรื่องสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง นอกจากนี้ ตนมองว่าปัญหาการค้ามนุษย์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยมีเกือบทุกอาชีพไม่ใช่เฉพาะประเด็นเหยื่อที่ถูกหลอกมาค้าประเวณีเท่านั้น
นางสุวณากล่าวต่อว่า ภายหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศให้ปัญหาการค้ามนุษย์เป็นวาระแห่งชาติ โดยเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว และเรายืนยันว่า ในการทำงานทางเจ้าหน้าที่ได้จับกุมดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ทุกคน และหากพบว่าเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นกัน ทั้งนี้ ในส่วนของดีเอสไอ ได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนและติดตามความคืบหน้าอยู่ตลอด เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ได้โดยเร็ว
อีกด้านที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีสหรัฐอเมริกาประกาศผลให้ประเทศไทยยังคงอยู่ในระดับเทียร์ 3 ในการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ว่า ไม่ใช่เรื่องน่าแปลก เพราะว่าข้อมูลที่รัฐบาลไทยในอดีตใช้รายงานต่อสหรัฐอเมริกากรณีประกาศผลการจัดลำดับการปราบปรามการค้ามนุษย์นั้น ข้อมูลส่งให้สหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จึงเป็นข้อมูลในอดีต แต่รัฐบาลนี้เข้ามาบริหารประเทศหลังจากส่งข้อมูลให้สหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนมีนาคมไปแล้ว เพราฉะนั้นเป็นเรื่องที่สหรัฐฯ ใช้ข้อมูลเก่า ที่รัฐบาลที่ผ่านมาเสนอให้ เพราะฉะนั้นข้อมูลที่สหรัฐฯพิจารณาคือข้อมูลเก่า
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า นับแต่ที่รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้ามาบริหารประเทศ ได้มอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงดูแลปัญหาการใช้แรงงานผิดกฎหมาย แรงงานทาส แรงงานประมง ตรงนี้ถือว่ารัฐบาลได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง จะเห็นได้ว่า หลายๆอย่างมีการเปลี่ยนแปลง หลายอย่างมีการดำเนินการ กฎหมายมีการดำเนินการแก้ไข กฎหมายที่ล้าสมัย ไม่เป็นสากลก็แก้ไข แต่ทั้งนี้เรื่องที่ดำเนินการมาเป็นข้อมูลใหม่ ที่รัฐบาลต้องรายงานให้ทางสหรัฐฯทราบว่าเราได้ดำเนินการแก้ไขอะไรไป ถือว่าทุกกรณีรัฐบาลมีความตั้งใจ จริงใจในการแก้ปัญหาเหล่านี้ให้หมดไป โดยนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศเรื่องการค้าแรงงานที่ผิดกฎหมายเป็นวาระแห่งชาติ ถือเป็นเจตนารมณ์ชัดเจนที่รัฐบาล ต้องการแก้ปัญหา
“ที่รัฐบาลทำมาเดินมาถูกทางแล้ว แต่ก็มีบางสิ่งบางอย่าง เช่น กฎหมายก็ต้องมีการแก้ไข เพราะทางสหรัฐอเมริกา หรือทั่วโลกเขามองว่ากฎหมายไทยยังอ่อนแอ รวมถึงกระบวนการยุติธรรมไทยก็อ่อนแอเหมือนกัน จะเห็นได้ว่าการจับกุมผู้ต้องหาที่เป็นคนธรรมดาทั่วไป หรือที่เป็นข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐมักจะถูกสั่งไม่ฟ้องในชั้นพนักงานสอบสวนบ้าง ในชั้นพนักงานอัยการบ้าง แม่แต่ไปหลุดคดีในชั้นศาล ซึ่งประเทศอื่นๆ มองว่าประเทศไทยมีการช่วยเหลือ เราก็ต้องแสดงให้เห็นว่า เราก็ทำทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย พยานหลักฐาน ผิดเป็นผิด ถูกเป็นถูก” พล.ต.อ.สมยศกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าผลประเมินที่ออกมาไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายที่รัฐบาลมองไว้ใช่หรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ต้องบอกว่ารัฐบาลเข้ามาแก้ปัญหาประมาณ 10 เดือน เพราะฉะนั้นจะให้ทุกอย่างหมดสิ้นหมดไปทันทีคงไม่ได้ เพราะปัญหานี้หมักหมมมานับ 10 ปี และเรื่องที่ทางสหรัฐอเมริกา รวมทั้งไอยูยูได้เตือนรัฐบาลไทยนั้นมีการเตือนมานับ 10 ปี แต่ในอดีตที่ผ่านมาไม่มีการแก้ไข เพิ่งมาแก้ไขอย่างจริงจังก็ที่เห็นทุกวันนี้ เรื่องนี้ต้องรอต่อไป
ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า จะเห็นว่าในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์มีการจับกุมเจ้าหน้าที่ของรัฐมาดำเนินคดีตามที่เป็นข่าว ขนาดเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ก็ถูกจับกุมดำเนินคดี แต่ทั้งนี้ก็ต้องรอดูว่าผลของคดีจะเป็นอย่างไร เจ้าหน้าข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ พนักงานสอบสวนก็สั่งฟ้อง แสดงว่ากระบวนการยุติธรรมไทยเริ่มที่จะทำไปในแนวทางที่ถูกต้องและตนเชื่อว่า ต้องเป็นที่ยอมรับในอนาคต ตนคาดหวังว่าการจัดอันดับครั้งต่อไปจะดีขึ้น เพราะสิ่งที่ทำมา ทุกหน่วยงาน รัฐบาล หน่วยงานฝ่ายความมั่นคง ทั้งตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องตั้งใจทำงานร่วมกันแบบบูรณาการ และผลงานก็เป็นที่ประจักษ์กันอยู่แล้ว เราก็คาดหวังว่าเขาคงจะพิจารณาเราจัดอันดับให้ดีขึ้น แต่ก็คงไม่สามารถบอกได้ว่าจะเป็นอย่างไรเพราะมันขึ้นอยู่กับทางสหรัฐฯ และไอยูยู ส่วนการส่งข้อมูลเพิ่มเติมให้ทางสหรัฐฯ คาดว่าคงเป็นในปี 2559 นี้