ตร. เยี่ยมผู้ดูแลสถานเลี้ยงเด็กยากจนบ้านครูน้อยหลังทราบว่าปัญหาสุขภาพแล้ว ครูน้อยมีหนี้จากการไปกู้เงินนอกระบบมาเลี้ยงเด็ก 65 คน อีกราว 1 ล้านบาท โดยจะระดมทุนทรัพย์จากผู้มีจิตศรัทธาให้การช่วยเหลือ โดยครูน้อยอาจจะรับเลี้ยงเด็กได้อีก 3 ปี เพราะสุขภาพไม่อำนวย
วันนี้ (15 ก.ค.) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบก.วจ. พ.ต.อ.เจษฎา สวยสม ผกก.สน.ราษฎร์บูรณะ และ พ.ต.ท.ชรินทร์ บัวเผื่อนหอม รอง ผกก.ป.สน.ราษฎร์บูรณะ นำกระเช้าผลไม้ จาก พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เข้าเยี่ยม นางนวลน้อย ทิมกุล หรือ ครูน้อย อายุ 73 ปี ผู้ดูแลสถานเลี้ยงเด็กยากจนบ้านครูน้อย เลขที่ 319 หมู่ 1 ซอยราษฎร์บูรณะ 26 แขวงและเขตราษฎร์บูรณะ กทม.
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า เมื่อปี 2533 เคยเกิดวิกฤตขึ้นที่บ้านครูน้อยมาแล้วครั้งหนึ่ง เนื่องจากครูน้อย มีการไปกู้หนี้ยืมสินจากนายทุนนอกระบบ จำนวน 24 ราย มาเลี้ยงอุปการะเด็ก ๆ ในความดูแล ทำให้มีหนี้สูงถึง 10,643,000 บาท ช่วงนั้นตนได้เข้ามาให้ความช่วยเหลือไกล่เกลี่ยกับเจ้าหนี้ให้จนเหลือ 3,000,000 บาท และเปิดบัญชีบริจาคในชื่อ “ปลดทุกข์ครูน้อย” ระดมเงินจากผู้ให้การช่วยเหลือเข้ามา 2,119 ราย ยอดรวม 3,285,000 บาท เพื่อส่งมอบเงินคืนให้เจ้าหนี้ทั้ง 24 ราย โดยส่วนที่เหลืออีก 285,000 บาทนั้น ได้มอบให้ครูน้อยไปใช้สงเคราะห์เด็กตามเจตนารมณ์ที่ตั้งเอาไว้สำหรับการเดินทางมาวันนี้ เนื่องจากทราบข่าวครูน้อยประสบปัญหาอีกครั้งและตัดสินใจจะปิดบ้านเลิกรับอุปการะเด็ก ๆ ทั้งที่เคยทำมาตั้งแต่ปี 2523 ทำอย่างตั้งใจ และใช้ความอดทนบากบั่นมานานกว่า 30 ปี จึงอยากเดินทางมาสอบถามข้อเท็จจริง ซึ่งก็ทำให้ทราบว่า นอกจากเรื่องปัญหาสุขภาพแล้ว ครูน้อย ยังต้องดิ้นรนไปกู้เงินนอกระบบมาเลี้ยงเด็ก ๆ อีก เพราะรายรับจากผู้ให้การสงเคราะห์ไม่เพียงพอเลี้ยงเด็กในความดูแลในปัจจุบันที่มีอยู่ จำนวน 65 คน จนยอดหนี้สินนอกระบบขณะนี้พบว่ามีประมาณ 1,000,000 บาท ซึ่งตนจะนำเรียน พล.ต.อ.สมยศ พร้อมประสานกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เข้ามาหาทางช่วยเหลือต่อไป
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า แนวทางความช่วยเหลือหลังจากนี้ คือ ให้ครูน้อยเรียกเจ้าหนี้ที่เคยกู้ยืมกันเข้ามาพูดคุย ตนจะสอบถามว่าจ่ายคืนไปแล้วอย่างไรบ้าง จากนั้นจะปรึกษากับท่าน ผบ.ตร. เพื่อระดมทุนทรัพย์จากผู้มีจิตศรัทธาและพรรคพวกเพื่อนฝูงเข้ามาจัดการให้แต่ตนจะให้ครูน้อย สัญญาว่า หลังจากนี้ จะรับเลี้ยงเด็ก ๆ อย่างมีเหตุผลเอาเท่าที่พอรับผิดชอบได้ จากที่เคยจ่ายให้เท่าไหร่อาจต้องลดจำนวนเงินลงเพื่อความอยู่รอดของตัวครูน้อยเอง นอกจากนี้ จะเรียกผู้ปกครองของเด็ก ๆ ในความรับผิดชอบเข้ามาพูดคุยด้วย ครอบครัวไหนพอจะดูแลกันเองได้ก็ให้ช่วยกันก่อน ไม่ใช่จะมาให้ครูน้อย ช่วยเพียงอย่างเดียว ซึ่งในวันนี้ครูน้อย ก็รับปากกับตนแล้วว่าจะไม่ไปหากู้เงินนอกระบบมาเลี้ยงเด็ก ๆ อีก
นางนวลน้อย กล่าวว่า ทุกวันนี้มีภาระค่าใช้จ่ายให้เด็ก ๆ ในความดูแลไปโรงเรียน รวม 3,500 บาท จ่ายเงินค่าพนักงานในบ้านครูน้อย 8 คน คนละ 250 บาทต่อวัน ยังไม่รวมค่าอาหารการกิน ซึ่งเฉลี่ยแล้วต้องใช้เงินวันละ 6,500 บาท ต้องบอกว่า ความช่วยเหลือของท่าน รอง ผบ.ตร. เมื่อปี 2533 นั้น ถือเป็นพระคุณต่อบ้านครูน้อยมาก แต่ก็ยังมีคนโจมตีหาว่า ครูน้อยเอาเงินไปซื้อรถป้ายแดง ไปซื้อที่ดิน ซึ่งข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย ทุกวันนี้มีแต่หนี้ที่กู้ยืมมาอุปการะเด็ก ๆ ลูก ๆ ตนต้องเอาบ้านหลังนี้ไปจำนองกับธนาคารเพื่อใช้หนี้ให้ ขณะผ่อนจ่ายไปจนเหลือราว ๆ 2,000,000 บาท ยอมรับทีแรกจะประกาศขายบ้านในราคา 6,500,000 บาท เพื่อนำเงินมาชดใช้เจ้าหนี้ทั้งในระบบและนอกระบบ และจะหยุดรับอุปการะเด็ก เนื่องจากแบกรับภาระไม่ไหว ประกอบกับลูก ๆ ก็ขอร้องให้หยุดและกลับมาดูแลตัวเองก่อน แต่ตอนนี้ตนคงต้องตัดสินใจใหม่เพื่อให้เด็ก ๆ ทั้ง 65 คน ได้รับการดูแลต่อไปการช่วยเหลือจาก พล.ต.อ.พงศพัศ ที่เดินทางมาหนนี้ หากปลดหนี้ได้หมดตนก็ยอมรับปากว่าจะไม่กู้หนี้สินนอกระบบมาอีก ทั้งที่จริงแล้วตนก็เกรงใจเจ้าหนี้ เนื่องจากแต่ละรายทราบปัญหาดีและส่วนใหญ่ก็ทนไม่ได้ต้องให้ความช่วยเหลือมาเพราะตนติดต่อไปขอร้องหยิบยืมเงินมาเลี้ยงเด็ก ๆ ที่ผ่านมา ตนต้องโกหกลูก ๆ ว่า ไม่มีปัญหาอะไร แต่ลูก ๆ ก็รับรู้มาตลอดว่าแม่ต้องกู้หนี้ยืมสินมาทำแบบนี้ โดยเขียนจดหมายมาขอร้องให้หยุด แต่มันหยุดไม่ได้ หากสิ้นเดือนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กยากจนบ้านครูน้อย ไม่ปิดตัวลง ตนก็คิดไว้แล้วว่า จะรับอุปการะเด็ก ๆ ได้อีกไม่เกิน 3 ปี เพราะร่างกายก็เริ่มไม่ไหว