กองปราบส่งชุดสืบสวนประกบติดซุ้มมือปืนในพื้นที่ภูธรภาค 7 และ 8 ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้งปมสังหารอดีตเจ้าพ่อคาเฟ่
วันนี้ (13 ก.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 16.00 น. พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาการ ผบก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีฆ่า นายสมยศ สุธางค์กูร อดีตเจ้าพ่อคาเฟ่ ว่า คดีดังกล่าวมีความคืบหน้าไปมาก โดยทีมสืบสวนของกองปราบปรามได้มีการประสานข้อมูลกับทางชุดสืบสวนของกองบังคับการสืบสวนนครบาลอยู่ตลอดเวลา สำหรับกรณีที่มีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยในคดียิงนายสมยศนั้น แท้จริงแล้วเกิดจากการสื่อสารที่ผิดพลาด ข้อเท็จจริงขณะนี้กองปราบกำลังเฝ้าจับตาซุ้มมือปืน 2 - 3 ซุ้ม และในจำนวนนี้มี 2 - 3 คน ที่เข้าข่ายน่าสงสัยว่าเป็นผู้ลงมือยิง โดยมีการขึ้นบัญชีซุ้มมือปืนที่เคยกระทำความผิดในคดีอื่น ๆ เปรียบเทียบ ทั้งนี้ ดูจากแผนประทุษกรรมของคนร้ายมาเปรียบเทียบกับการก่อเหตุในอดีตที่ทางกองบังคับการปราบปรามมีการรวบรวมไว้ ตั้งแต่วิธีการวางแผน การลงมือการใช้อาวุธปืนก่อเหตุโดยเฉพาะมือปืนที่มีความชำนาญในการใช้ปืนลูกโม่ก่อเหตุ โดยเน้นในพื้นที่ บช.ภ. 7 - 8 ในกลุ่มที่มีประวัติที่อาจจะเข้าข่าย อย่างไรก็ตามมีการตั้งข้อสังเกตผู้ที่ก่อเหตุอาจไม่ใช่คนในพื้นที่ จากการวิเคราะห์ผู้ที่พามือปืนไปก่อเหตุต้องรู้จักพื้นที่ในระดับหนึ่งโดยเฉพาะเส้นทางหลบหนี
พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวต่อว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลเปรียบเทียบลายนิ้วมือจากรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุและนำมาทิ้งไว้บริเวณซอยรามคำแหง 24 กับข้อมูลทะเบียนประวัติอาชญากรรม หากพบว่าตรงกับบุคคลใดก็จะเป็นประโยชน์ต่อคดี ส่วนมีคนตั้งข้อสังเกตว่ามีปืนเป็นหน้าใหม่หรือไม่ ทั้งนี้อาจมีความเป็นได้ที่เป็นมือปืนหน้าใหม่ที่หวังสร้างชื่อ หรืออาจเป็นมือปืนที่มีค่ายแต่ไม่ต้องคดี
ทั้งนี้ ชุดสืบสวนยังต้องตรวจสอบสาเหตุที่ยังติดค้างเพื่อให้ตกผลึก ทั้งในเรื่องเหตุใดมือปืนถึงเลือกใช้ร้านเฮงหูฉลามเป็นจุดสังหาร รวมทั้งการเข้ามาก่อเหตุ เส้นทางการหลบหนี หรือแม้กระทั่งคนร้ายรู้ได้อย่างไรว่าผู้ตายจะมาทานข้าวที่ร้านดังกล่าว ซึ่งกำลังตรวจสอบให้คลายข้อสงสัย ในส่วนปมสังหารนั้นทีมสืบสวนกองบังคับการปราบปรามได้ตรวจสอบอยู่ และยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง เนื่องจากทุกประเด็นที่ตั้งไว้สามารถนำไปสู่การสังหารนายสมยศได้ทั้งสิ้น ได้ ซึ่งเบื้องต้นยังคงตั้งไว้ที่ 4 ประเด็นหลัก คือ ปมความขัดแย้งเรื่องเงินพนันที่เชื่อมโยงกับกลุ่มของนางก้อยและพวก, ประเด็นที่ผู้ตายรับเคลียร์คดีและวิ่งเต้น, ประเด็นความขัดแย้งกรณีพิพากทีดินย่านพระราม 9 และปมความขัดแย้งในครอบครัว นอกจากนี้ ชุดสืบสวนยังพบปมความขัดแย้งอื่น ๆ ที่ขณะที่ผู้ตายมีชีวิตอยู่ได้ ทั้งในเรื่องของที่ดินแปลงหนึ่งในอำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ที่ผู้ตายต้องการครอบครอง ซึ่งมีมูลค่าหลายล้านบาท ส่วนการเรียกสอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ หากยังมีบุคคลใดน่าสงสัยยังคงต้องเชิญมาสอบปากคำต่อไป ทั้งนี้ เวลา 19.00 น. จะมีการประชุมทีมสืบสวนเพื่อสรุปข้อมูลอีกครั้ง ที่ บก.สส.บช.น.