พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร. เปิดเผยความคืบหน้าคดีสังหารนายสมยศ สุธางค์กูร อดีตเจ้าของพระราม 9 คาเฟ่เสียชีวิต ว่า หลังชุดสืบสวนพบรถ จยย.ต้องสงสัยว่าจะเป็นพาหนะของมือปืนที่ใช้ก่อเหตุนำมาจอดทิ้งไว้ภายในซอยพัฒนาการ 25 เมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยพยานบุคคลที่เป็น รปภ.บริเวณใกล้เคียงเห็นรถ จยย.แล้วจำได้เพราะมีลักษณะตำหนิเฉพาะเป็นจุดเด่น อยู่ระหว่างขั้นตอนของกองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์หาดีเอ็นเอและลายนิ้วมือแฝงของคนร้ายที่ติดอยู่กับตัวรถ จยย. เพื่อเก็บไว้ตรวจเทียบเคียงกับตัวอย่างของผู้ต้องสงสัย
ส่วนกรณีที่พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.ให้สัมภาษณ์ว่ามีการจับกุมผู้ต้องสงสัย 2 ราย โดยระบุว่าผู้ต้องสงสัยที่ได้ตัวมา 2 รายนั้นคาดว่าเป็นผู้ลงมือสังหาร เพราะทั้งคู่มีหน้าตาคล้ายมือปืนที่ก่อเหตุมากนั้น ได้สอบถามไปยังผบช.น.แล้วได้ความว่า เป็นการเชิญตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำเท่านั้น ยืนยันว่าชุดสืบสวนไม่ได้จับกุมคนร้ายหรือมือปืนที่ก่อเหตุ รวมทั้งผู้จ้างวานแต่อย่างใด ขณะนี้ชุดสืบสวนยังคงตั้งปมสังหารไว้ตามเดิมทั้ง 3 ประเด็นที่ปรากฏเป็นข่าว และยังไม่พุ่งเป้าหรือให้น้ำหนักไปที่ประเด็นใดเป็นพิเศษ ตรวจสอบทุกประเด็น
นอกจากนี้ ยังตรวจสอบเพิ่มเติมไปที่ปมความขัดแย้งต่างๆ ตามที่มีการสอบปากคำพยานแวดล้อม โดยเฉพาะประเด็นความขัดแย้งที่ตัวผู้ตายมีปัญหาและความขัดแย้งประเด็นที่ดิน ใน จ.นครปฐม รวมทั้งได้สั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณซอยรามคำแหง 24 แยก 2 เพิ่มเติมอีกครั้ง เพื่อตรวจสอบว่าใครเป็นผู้นำรถ จยย.มาทิ้ง และขยายผลหาเส้นทางหลบหนีของคนร้ายให้มากสุด
ด้าน พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป. กล่าวว่า ในส่วนของการติดตามตัวผู้ก่อเหตุนั้นสั่งการให้ชุดคลี่คลายคดีของ บก.ป. สนธิกำลังร่วมตรวจ สอบซุ้มมือปืน ตามพื้นที่จังหวัดต่างๆ โดยเน้นไปพื้นที่ของ บช.ภ.7 และ บช.ภ.8 แต่ยืนยันว่า ยังไม่ได้ตัวมือปืนที่ก่อเหตุหรือระบุได้แน่ชัดว่ามือปืนที่ก่อเหตุมาจากซุ้มมือปืนใด จากการตรวจสอบพบคนร้ายใช้กระสุน .38 ก่อเหตุ ซึ่งกระสุนขนาดดังกล่าวสามารถใช้ได้กับปืนที่มีขนาด .38 และขนาด .357 ทั้งนี้อยู่ระหว่างรอผลตรวจว่าปืนที่คนร้ายใช้นั้นเคยก่อเหตุที่ใดมาบ้าง
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อกลางดึกที่ผ่านมาชุดสืบสวน บก.ป. นำตัว 3 ผู้ต้องสงสัยมาจาก อ.ท่าตะโก จ.ชุมพร เข้าสอบปากคำ ก่อนปล่อยตัวไปในคืนเดียวกัน เนื่องจากเป็นการเชิญทั้งหมดมาสอบปากคำเท่านั้น ส่วนประเด็นการสังหารนั้นชุดสืบสวนยังไม่สามารถตัดประเด็นใดทิ้งได้และมีความเป็นไปได้ว่าทุกเรื่องอาจมีความเชื่อมโยงกันจนนำไปสู่การก่อเหตุครั้งนี้ รวมทั้งปมความขัดแย้งเรื่องที่ดินใน จ.นครปฐม ของอดีตเจ้าพ่อคาเฟ่ผู้ยิ่งใหญ่อีกรายหนึ่งที่อยู่ในยุคสมัยเดียวกับผู้ตาย
ส่วนกรณีที่พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.ให้สัมภาษณ์ว่ามีการจับกุมผู้ต้องสงสัย 2 ราย โดยระบุว่าผู้ต้องสงสัยที่ได้ตัวมา 2 รายนั้นคาดว่าเป็นผู้ลงมือสังหาร เพราะทั้งคู่มีหน้าตาคล้ายมือปืนที่ก่อเหตุมากนั้น ได้สอบถามไปยังผบช.น.แล้วได้ความว่า เป็นการเชิญตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำเท่านั้น ยืนยันว่าชุดสืบสวนไม่ได้จับกุมคนร้ายหรือมือปืนที่ก่อเหตุ รวมทั้งผู้จ้างวานแต่อย่างใด ขณะนี้ชุดสืบสวนยังคงตั้งปมสังหารไว้ตามเดิมทั้ง 3 ประเด็นที่ปรากฏเป็นข่าว และยังไม่พุ่งเป้าหรือให้น้ำหนักไปที่ประเด็นใดเป็นพิเศษ ตรวจสอบทุกประเด็น
นอกจากนี้ ยังตรวจสอบเพิ่มเติมไปที่ปมความขัดแย้งต่างๆ ตามที่มีการสอบปากคำพยานแวดล้อม โดยเฉพาะประเด็นความขัดแย้งที่ตัวผู้ตายมีปัญหาและความขัดแย้งประเด็นที่ดิน ใน จ.นครปฐม รวมทั้งได้สั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณซอยรามคำแหง 24 แยก 2 เพิ่มเติมอีกครั้ง เพื่อตรวจสอบว่าใครเป็นผู้นำรถ จยย.มาทิ้ง และขยายผลหาเส้นทางหลบหนีของคนร้ายให้มากสุด
ด้าน พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป. กล่าวว่า ในส่วนของการติดตามตัวผู้ก่อเหตุนั้นสั่งการให้ชุดคลี่คลายคดีของ บก.ป. สนธิกำลังร่วมตรวจ สอบซุ้มมือปืน ตามพื้นที่จังหวัดต่างๆ โดยเน้นไปพื้นที่ของ บช.ภ.7 และ บช.ภ.8 แต่ยืนยันว่า ยังไม่ได้ตัวมือปืนที่ก่อเหตุหรือระบุได้แน่ชัดว่ามือปืนที่ก่อเหตุมาจากซุ้มมือปืนใด จากการตรวจสอบพบคนร้ายใช้กระสุน .38 ก่อเหตุ ซึ่งกระสุนขนาดดังกล่าวสามารถใช้ได้กับปืนที่มีขนาด .38 และขนาด .357 ทั้งนี้อยู่ระหว่างรอผลตรวจว่าปืนที่คนร้ายใช้นั้นเคยก่อเหตุที่ใดมาบ้าง
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อกลางดึกที่ผ่านมาชุดสืบสวน บก.ป. นำตัว 3 ผู้ต้องสงสัยมาจาก อ.ท่าตะโก จ.ชุมพร เข้าสอบปากคำ ก่อนปล่อยตัวไปในคืนเดียวกัน เนื่องจากเป็นการเชิญทั้งหมดมาสอบปากคำเท่านั้น ส่วนประเด็นการสังหารนั้นชุดสืบสวนยังไม่สามารถตัดประเด็นใดทิ้งได้และมีความเป็นไปได้ว่าทุกเรื่องอาจมีความเชื่อมโยงกันจนนำไปสู่การก่อเหตุครั้งนี้ รวมทั้งปมความขัดแย้งเรื่องที่ดินใน จ.นครปฐม ของอดีตเจ้าพ่อคาเฟ่ผู้ยิ่งใหญ่อีกรายหนึ่งที่อยู่ในยุคสมัยเดียวกับผู้ตาย