รอง ผบช.น. เผยเร่งหาเบาะแสคดีฆ่า “สมยศ” ยังสงสัยประเด็นเหตุใดคนร้ายทราบผู้ตายจะไปกินหูฉลาม พร้อมสอบปากคำผู้ต้องสงสัยและสรุปคดีอีกครั้งวันนี้ แย้มประเด็นใหม่ที่ดินย่านชานเมืองผืนหนึ่งของนายสมยศ โยงกับครอบครัว “บุญเลี้ยง อดุลยฤทธิกุล”
วานนี้ (9 ก.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รอง ผบช.น. หัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีฆ่า นายสมยศ สุธางค์กูร อดีตเจ้าพ่อคาเฟ่ กล่าวถึงคดีว่า คดีดังกล่าวคืบหน้าไปกว่า 60 เปอร์เซ็นต์แล้ว อยู่ระหว่างการแยกแยะข้อขัดแย้งของผู้ตายว่ามีกี่เรื่อง ทั้งการเช่าที่ดินย่านพระราม 9 ปัญหาครอบครัว การวิ่งเต้นรับเคลียร์คดีต่างๆ และเรื่องการพนัน เรียงลำดับความสำคัญประเด็นขัดแย้ง และให้น้ำหนักในส่วนที่น่าจะทำให้กลายเป็นปมสังหารได้ ซึ่งประเด็นที่ยังคงสงสัยมากที่สุด คือ เรื่องคนร้ายทราบได้อย่างไรว่าผู้ตายจะเดินทางไปกินหูฉลาม ซึ่งพยานหลักฐานที่มีตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้
นอกจากนี้ ตำรวจยังพบประเด็นใหม่ เกี่ยวกับ ความต้องการที่ดินย่านชานเมืองผืนหนึ่งของนายสมยศ ซึ่งที่ดินผืนดังกล่าวเป็นของครอบครัว นายบุญเลี้ยง อดุลยฤทธิกุล อดีตเจ้าพ่อคาเฟ่ ที่เสียชีวิตไปแล้ว จึงสั่งการให้กองปราบปรามลงพื้นที่รวบรวมข้อมูล ว่าจะเป็นปมซึ่งนำไปสู่การสังหารได้หรือไม่
ส่วนเรื่องสืบสวนหาเส้นทางหลบหนีคนร้าย ก็อยู่ระหว่างติดตาม โดยได้สั่งการให้ชุดสืบสวนไปหารายละเอียดประเด็นต่าง ๆ ที่ได้วิเคราะห์ว่าอาจมีความเชื่อมโยงถึงสาเหตุการฆ่านายสมยศ เช่น ประเด็นเรื่องการโกงพนัน ก็มีผู้ต้องสงสัย 4 ราย คือ นางศุภนิดา นรรัตน์ หรือ ก้อย นายสมชัย นิตยา หรือ เล็ก ชุมพร นายปริญญา ปิยะภาค หรือ ปีเตอร์ และ นางมุกรินทร์ นิตยา หรือ เรียม น้องสาว นายเล็ก ประเด็นเรื่องการรับวิ่งเต้นคดีต่างๆ นางศุภนิดา ก็เป็นผู้ต้องสงสัย ซึ่งทั้งหมดพนักงานสอบสวนยังคงต้องเรียกมาสอบปากคำจนกว่าจะสิ้นข้อสงสัย ทั้งนี้ จะมีการเรียกประชุมสรุปเร่งรัดคดีอีกครั้งวันที่ 10 ก.ค.นี้
ด้าน พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาราชการแทน ผู้บังคับการปราบปราม กล่าวว่า กองปราบอยู่ระหว่างเร่งสืบสวนหาเบาะแสซุ้มมือปืนต่างๆ ที่ใช้อาวุธปืน รีวอลเวอร์ จุด 38 แบบ 5 ร่องเกลียว ว่า มีใช้ในซุ้มมือปืนใดบ้าง พร้อมทั้งเร่งติดตามกลุ่มคนสนิทของนายสมยศ มาสอบปากคำ.
วานนี้ (9 ก.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รอง ผบช.น. หัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีฆ่า นายสมยศ สุธางค์กูร อดีตเจ้าพ่อคาเฟ่ กล่าวถึงคดีว่า คดีดังกล่าวคืบหน้าไปกว่า 60 เปอร์เซ็นต์แล้ว อยู่ระหว่างการแยกแยะข้อขัดแย้งของผู้ตายว่ามีกี่เรื่อง ทั้งการเช่าที่ดินย่านพระราม 9 ปัญหาครอบครัว การวิ่งเต้นรับเคลียร์คดีต่างๆ และเรื่องการพนัน เรียงลำดับความสำคัญประเด็นขัดแย้ง และให้น้ำหนักในส่วนที่น่าจะทำให้กลายเป็นปมสังหารได้ ซึ่งประเด็นที่ยังคงสงสัยมากที่สุด คือ เรื่องคนร้ายทราบได้อย่างไรว่าผู้ตายจะเดินทางไปกินหูฉลาม ซึ่งพยานหลักฐานที่มีตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้
นอกจากนี้ ตำรวจยังพบประเด็นใหม่ เกี่ยวกับ ความต้องการที่ดินย่านชานเมืองผืนหนึ่งของนายสมยศ ซึ่งที่ดินผืนดังกล่าวเป็นของครอบครัว นายบุญเลี้ยง อดุลยฤทธิกุล อดีตเจ้าพ่อคาเฟ่ ที่เสียชีวิตไปแล้ว จึงสั่งการให้กองปราบปรามลงพื้นที่รวบรวมข้อมูล ว่าจะเป็นปมซึ่งนำไปสู่การสังหารได้หรือไม่
ส่วนเรื่องสืบสวนหาเส้นทางหลบหนีคนร้าย ก็อยู่ระหว่างติดตาม โดยได้สั่งการให้ชุดสืบสวนไปหารายละเอียดประเด็นต่าง ๆ ที่ได้วิเคราะห์ว่าอาจมีความเชื่อมโยงถึงสาเหตุการฆ่านายสมยศ เช่น ประเด็นเรื่องการโกงพนัน ก็มีผู้ต้องสงสัย 4 ราย คือ นางศุภนิดา นรรัตน์ หรือ ก้อย นายสมชัย นิตยา หรือ เล็ก ชุมพร นายปริญญา ปิยะภาค หรือ ปีเตอร์ และ นางมุกรินทร์ นิตยา หรือ เรียม น้องสาว นายเล็ก ประเด็นเรื่องการรับวิ่งเต้นคดีต่างๆ นางศุภนิดา ก็เป็นผู้ต้องสงสัย ซึ่งทั้งหมดพนักงานสอบสวนยังคงต้องเรียกมาสอบปากคำจนกว่าจะสิ้นข้อสงสัย ทั้งนี้ จะมีการเรียกประชุมสรุปเร่งรัดคดีอีกครั้งวันที่ 10 ก.ค.นี้
ด้าน พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาราชการแทน ผู้บังคับการปราบปราม กล่าวว่า กองปราบอยู่ระหว่างเร่งสืบสวนหาเบาะแสซุ้มมือปืนต่างๆ ที่ใช้อาวุธปืน รีวอลเวอร์ จุด 38 แบบ 5 ร่องเกลียว ว่า มีใช้ในซุ้มมือปืนใดบ้าง พร้อมทั้งเร่งติดตามกลุ่มคนสนิทของนายสมยศ มาสอบปากคำ.