ความคืบหน้าคดีคนร้ายบุกยิงนายสมยศ สุธางค์กูร อดีตเจ้าพ่อคาเฟ่ชื่อดังย่านพระราม 9 เสียชีวิตบริเวณลานจอดรถร้านเฮงหูฉลาม เมื่อคืนวันที่ 29 มิถุนายน โดยในวันนี้ ตนได้นำเจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.5 มาร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.คลองตัน และเจ้าหน้าที่กองปราบปราม เพื่อวางแนวทางและวิเคราะห์ความเป็นมาของคดี ซึ่งขณะนี้ก็ยังทำการสืบสวนอยู่ในหลายประเด็น แต่จะให้น้ำหนักไปที่เรื่องคนใกล้ตัว
พ.ต.อ.สุพัฒน์ พึ่งพวงผกก.สส.บก.น.5 เปิดเผยว่า ในส่วนของลูกชายนอกสมรสของ นายสมยศ ที่ถูกพาดพิงถึง ก็จะต้องเรียกตัวมาสอบปากคำเพื่อรวบรวมไว้เป็นข้อมูล มุ่งหาปมสังหารต่อไป โดยยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง นอกจากนี้ ทางชุดสืบสวนจะดำเนินการไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดใหม่ทั้งหมด ทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุโดยจะตรวจสอบกล้องวงจรปิดเริ่มจากเส้นทางที่คนร้ายใช้เข้ามาก่อเหตุและหลังเกิดเหตุ โดยจะเริ่มไล่ตั้งแต่เวลา 12.00-13.00 น. ในวันเกิดเหตุ และไล่ไปจนถึงหลังเวลาเกิดเหตุ ซึ่งต้องเคลียร์ให้ขาดว่าคนร้ายหายไปไหน
พ.ต.อ.สุพัฒน์ กล่าวต่อไปว่า จุดแรกที่พบภาพคนร้ายในกล้องวงจรปิดคือบริเวณห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ รามคำแหง โดยคนร้ายจำนวน 2 คน ใส่เสื้อผ้าชุดเดียวกัน ส่วนจุดสุดท้ายที่พบคือบริเวณซอยรามคำแหง 24 หลังเกิดเหตุคลาดเคลื่อนไม่เกิน 10 นาที จากนั้นคนร้ายก็หายไป ส่วนจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้เป็นจักรยานยนต์สภาพใหม่ซึ่งผิดวิสัย และไม่น่าจะหนีไปไหนได้ไกล ซึ่งคาดว่าตรงนี้อาจจะมีการเปลี่ยนรถ หรือมีคนเอารถมารับเพื่อหลบหนีต่อไปก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม จะให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบดูอีกครั้งว่าเป็นรถยี่ห้อและรุ่นอะไรกันแน่
ขณะที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.กล่าวว่า ขอให้เป็นหน้าที่ของ พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร และกองปราบปรามดำเนินการสืบสวนคลี่คลายคดี ขณะนี้มีหลายประเด็นจึงไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะเกรงจะส่งผลต่อรูปคดี และจะทำให้ตำรวจทำงานลำบาก ส่วนการที่จะเรียกสอบพยานหรือผู้สงสัยเพิ่มเติมนั้น ขอให้เป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวน
ต่อมาเวลา 11.40 น. นางรัศมี สุธางค์กูร ภรรยานายสมยศ พร้อม น.ส.ณัฐธิดา สุธางค์กูร ลูกสาว พร้อมทนายความที่เคยทำงานใกล้ชิดกับนายสมยศ จำนวน 3 คน ประกอบด้วย นายเดชา ทองสุข อายุ 38 ปี นายอนิรุต พิริยศักดิ์มนตรี อายุ 38 ปี และนายสุธรรม จริตงาม อายุ 38 ปี ได้เดินทางมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม ที่กองบังคับการสืบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บก.สส.บช.น.)
พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ รองผบช.ก. กล่าวว่า ขณะนี้ชุดคลี่คลายคดียังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ไม่ว่าจะเป็น เรื่องความขัดแย้งในวงพนัน การวิ่งเต้นล้มคดี เรื่องที่ดินพระราม9 หรือแม้กระทั่งความขัดแย้งในครอบครัว ที่นายสมยศเขียนระบายความในใจในสมุดไดอารี่ส่วนตัว ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวแจ้งว่าเงินมูลค่า 80 ล้านที่ตอนนี้ส่อเค้าว่าเป็นอีกหนึ่งประเด็นความขัดแย้งในครอบครัวสุธางค์กูร นั้น เบื้องต้นพบว่าเป็นเงินที่นางรัศมีนำไปลงทุนทำโรงงานน้ำผลไม้อัดก๊าซ แต่ภายหลังนายสมยศทราบเรื่องจึงเกิดมีปากเสียงกัน
ทางด้าน พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รองผบ.ตร. เปิดเผยว่า ขณะนี้ พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างทยอยตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับนายสมยศ โดยเฉพาะการเน้นตรวจสอบกรรมสิทธิ์การจดทะเบียนที่ดิน รถยนต์ เงินสด กรมธรรม์ประกันภัย และบัญชีเงินฝากกว่า 40 บัญชี ส่วนความสัมพันธ์ส่วนบุคคลที่อาจเกี่ยวกับข้อขัดแย้งระหว่างผู้ตายและบุคคลอื่นนั้น ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยเฉพาะเรื่องลูกชายนอกสมรส ว่าความสัมพันธ์เป็นอย่างไร พร้อมมอบให้ทางกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ตรวจสอบข้อพิพาทคดีความที่รับจ้างเป็นที่ปรึกษาอย่างคดีเกี่ยวกับยาเสพติด หรือคดีอื่นๆ รวมถึงการติดตามมือปืนที่ก่อเหตุ
มีรายงานว่า ขณะนี้ชุดคลี่คลายคดียังมุ่งหาหลักฐานความเชื่อมโยงของผู้ชี้เป้าที่คอยรายงานความเคลื่อนไหวแก่ทีมที่ลงมือสังหารว่าเป็นใคร เนื่องจากเป็นกุญแจสำคัญของคดีนี้ เพราะหากไม่ใช่คนใกล้ตัวจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่านายสมยศ จะเดินทางไปที่ไหน ทำอะไรบ้างในแต่ละวัน
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ชุดสืบสวน บช.น.ได้มีการนัดนางรัศมี สุธางค์กูร และ น.ส.ณัฐธิดา สุธางค์กูร มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมที่ บก.สส.บช.น. เนื่องจากชุดสืบสวนตรวจสอบไดอารี่พบว่านายสมยศเขียนไว้ว่าเคยทำร้ายร่างกายนางรัศมีจนบาดเจ็บฟกช้ำ โดยสืบสวนได้เบาะแสจากพยานว่านางรัศมีนำเงินดังกล่าวไปร่วมลงทุนทำธุรกิจโรงงานน้ำผลไม้ ที่ จ.สมุทรปราการ กับนายณัฐพล หรือณัฐ กันทะยอม อายุ 24 ปี ลูกติดของนายสมยศ ลูกชายภรรยาเก่าที่เคยเป็นนักร้องคาเฟ่ แต่เลิกรากันไปแล้ว ซึ่งนายสมยศเขียนไว้ในสมุดบันทึกลงในไดอารี่ไว้ด้วยว่า วันที่ 1 ก.ค.58 นัดจะขายกิจการ โดยติดต่อบุคคลมาซื้อกิจการและนัดคุยกับลูกชายด้วย ระบุด้วยว่าหากไม่ยอมขายก็จะตัดพ่อตัดลูกกัน แต่ก่อนถึงวันนัดหมายนายสมยศ ถูกมือปืนดักสังหารเสียก่อน
พ.ต.อ.สุพัฒน์ พึ่งพวงผกก.สส.บก.น.5 เปิดเผยว่า ในส่วนของลูกชายนอกสมรสของ นายสมยศ ที่ถูกพาดพิงถึง ก็จะต้องเรียกตัวมาสอบปากคำเพื่อรวบรวมไว้เป็นข้อมูล มุ่งหาปมสังหารต่อไป โดยยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง นอกจากนี้ ทางชุดสืบสวนจะดำเนินการไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดใหม่ทั้งหมด ทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุโดยจะตรวจสอบกล้องวงจรปิดเริ่มจากเส้นทางที่คนร้ายใช้เข้ามาก่อเหตุและหลังเกิดเหตุ โดยจะเริ่มไล่ตั้งแต่เวลา 12.00-13.00 น. ในวันเกิดเหตุ และไล่ไปจนถึงหลังเวลาเกิดเหตุ ซึ่งต้องเคลียร์ให้ขาดว่าคนร้ายหายไปไหน
พ.ต.อ.สุพัฒน์ กล่าวต่อไปว่า จุดแรกที่พบภาพคนร้ายในกล้องวงจรปิดคือบริเวณห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ รามคำแหง โดยคนร้ายจำนวน 2 คน ใส่เสื้อผ้าชุดเดียวกัน ส่วนจุดสุดท้ายที่พบคือบริเวณซอยรามคำแหง 24 หลังเกิดเหตุคลาดเคลื่อนไม่เกิน 10 นาที จากนั้นคนร้ายก็หายไป ส่วนจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้เป็นจักรยานยนต์สภาพใหม่ซึ่งผิดวิสัย และไม่น่าจะหนีไปไหนได้ไกล ซึ่งคาดว่าตรงนี้อาจจะมีการเปลี่ยนรถ หรือมีคนเอารถมารับเพื่อหลบหนีต่อไปก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม จะให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบดูอีกครั้งว่าเป็นรถยี่ห้อและรุ่นอะไรกันแน่
ขณะที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.กล่าวว่า ขอให้เป็นหน้าที่ของ พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร และกองปราบปรามดำเนินการสืบสวนคลี่คลายคดี ขณะนี้มีหลายประเด็นจึงไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะเกรงจะส่งผลต่อรูปคดี และจะทำให้ตำรวจทำงานลำบาก ส่วนการที่จะเรียกสอบพยานหรือผู้สงสัยเพิ่มเติมนั้น ขอให้เป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวน
ต่อมาเวลา 11.40 น. นางรัศมี สุธางค์กูร ภรรยานายสมยศ พร้อม น.ส.ณัฐธิดา สุธางค์กูร ลูกสาว พร้อมทนายความที่เคยทำงานใกล้ชิดกับนายสมยศ จำนวน 3 คน ประกอบด้วย นายเดชา ทองสุข อายุ 38 ปี นายอนิรุต พิริยศักดิ์มนตรี อายุ 38 ปี และนายสุธรรม จริตงาม อายุ 38 ปี ได้เดินทางมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม ที่กองบังคับการสืบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บก.สส.บช.น.)
พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ รองผบช.ก. กล่าวว่า ขณะนี้ชุดคลี่คลายคดียังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ไม่ว่าจะเป็น เรื่องความขัดแย้งในวงพนัน การวิ่งเต้นล้มคดี เรื่องที่ดินพระราม9 หรือแม้กระทั่งความขัดแย้งในครอบครัว ที่นายสมยศเขียนระบายความในใจในสมุดไดอารี่ส่วนตัว ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวแจ้งว่าเงินมูลค่า 80 ล้านที่ตอนนี้ส่อเค้าว่าเป็นอีกหนึ่งประเด็นความขัดแย้งในครอบครัวสุธางค์กูร นั้น เบื้องต้นพบว่าเป็นเงินที่นางรัศมีนำไปลงทุนทำโรงงานน้ำผลไม้อัดก๊าซ แต่ภายหลังนายสมยศทราบเรื่องจึงเกิดมีปากเสียงกัน
ทางด้าน พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รองผบ.ตร. เปิดเผยว่า ขณะนี้ พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างทยอยตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับนายสมยศ โดยเฉพาะการเน้นตรวจสอบกรรมสิทธิ์การจดทะเบียนที่ดิน รถยนต์ เงินสด กรมธรรม์ประกันภัย และบัญชีเงินฝากกว่า 40 บัญชี ส่วนความสัมพันธ์ส่วนบุคคลที่อาจเกี่ยวกับข้อขัดแย้งระหว่างผู้ตายและบุคคลอื่นนั้น ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยเฉพาะเรื่องลูกชายนอกสมรส ว่าความสัมพันธ์เป็นอย่างไร พร้อมมอบให้ทางกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ตรวจสอบข้อพิพาทคดีความที่รับจ้างเป็นที่ปรึกษาอย่างคดีเกี่ยวกับยาเสพติด หรือคดีอื่นๆ รวมถึงการติดตามมือปืนที่ก่อเหตุ
มีรายงานว่า ขณะนี้ชุดคลี่คลายคดียังมุ่งหาหลักฐานความเชื่อมโยงของผู้ชี้เป้าที่คอยรายงานความเคลื่อนไหวแก่ทีมที่ลงมือสังหารว่าเป็นใคร เนื่องจากเป็นกุญแจสำคัญของคดีนี้ เพราะหากไม่ใช่คนใกล้ตัวจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่านายสมยศ จะเดินทางไปที่ไหน ทำอะไรบ้างในแต่ละวัน
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ชุดสืบสวน บช.น.ได้มีการนัดนางรัศมี สุธางค์กูร และ น.ส.ณัฐธิดา สุธางค์กูร มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมที่ บก.สส.บช.น. เนื่องจากชุดสืบสวนตรวจสอบไดอารี่พบว่านายสมยศเขียนไว้ว่าเคยทำร้ายร่างกายนางรัศมีจนบาดเจ็บฟกช้ำ โดยสืบสวนได้เบาะแสจากพยานว่านางรัศมีนำเงินดังกล่าวไปร่วมลงทุนทำธุรกิจโรงงานน้ำผลไม้ ที่ จ.สมุทรปราการ กับนายณัฐพล หรือณัฐ กันทะยอม อายุ 24 ปี ลูกติดของนายสมยศ ลูกชายภรรยาเก่าที่เคยเป็นนักร้องคาเฟ่ แต่เลิกรากันไปแล้ว ซึ่งนายสมยศเขียนไว้ในสมุดบันทึกลงในไดอารี่ไว้ด้วยว่า วันที่ 1 ก.ค.58 นัดจะขายกิจการ โดยติดต่อบุคคลมาซื้อกิจการและนัดคุยกับลูกชายด้วย ระบุด้วยว่าหากไม่ยอมขายก็จะตัดพ่อตัดลูกกัน แต่ก่อนถึงวันนัดหมายนายสมยศ ถูกมือปืนดักสังหารเสียก่อน