ผบ.ตร.สั่งกวาดล้างแชร์ลูกโซ่ เอาเปรียบผู้เสียหาย เผยจับกุมผู้ถือหุ้นรายใหญ่บริษัท “ยูฟันสโตร์” พบพฤติการณ์โอนย้ายเงินไปยังบริษัทอื่น 116 ล้านบาท
เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (16 เม.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานประชุมชี้แจงมอบนโยบายการจับกุมในคดีกับบริษัท ยูฟัน สโตร์ จำกัด ประเทศไทย โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งพนักงานสอบสวน และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ ปคบ., กองบังคับการกองการต่างประเทศ, สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เข้าให้ข้อมูล โดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำชับให้กวาดล้างขบวนการแชร์ลูกโซ่ที่เอาเปรียบผู้เสียหายและให้สอบสวนอย่างตรงไปตรงมา
พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตำรวจสามารถควบคุมตัวนางณมนพรรณ์ ธาราบัณฑิต ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ยูฟัน สโตร์ จำกัด ประเทศไทย สามารถจับกุมได้ที่จังหวัดหนองคาย และวันนี้จะนำตัวมาสอบสวนที่กรุงเทพฯ เบื้องต้นพบว่านางณมนพรรณ์มีอำนาจลงนามในบริษัทเพียงผู้เดียวและพบพฤติการณ์โอนเงินจากบริษัท ยูฟัน ไปยังบริษัทต่างๆ ในประเทศไทยหลายบริษัทในช่วงระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่ 1 มิถุนายน และพฤศจิกายน 2557 จำนวน 80 ครั้ง มูลค่า 116 ล้านบาท
จากการสืบสวนพบว่า นายอาทิตย์ ปานแก้ว หนึ่งในผู้บริหารบริษัท ยูฟันฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับที่หลบหนี เบื้องต้นหลบหนีไปประเทศเวียดนาม พบว่าเป็นบุคคลสองสัญชาติ โดยเป็นคนประเทศมาเลเซียและปลอมแปลงเอกสารเป็นคนไทยเพื่อจดทะเบียนบริษัท ยูฟันฯ นอกจากนี้ยังพบว่าเคยถูกดำเนินคดีฐานปลอมสินค้า และถูกศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษ และอยู่ระหว่างอุทธรณ์คดี
เจ้าหน้าที่ได้ประสานตำรวจสากลส่งหมายจับบุคคลทั้ง 2 คน คือ พล.ท.อธิวัฒน์ สุ่นปาน ประธานที่ปรึกษากลุ่มบริษัท ยูฟัน และนางจิราภิรณช์ สุ่นปาน ภรรยา เพื่อส่งผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาดำเนินคดี ทั้งนี้ได้ให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ตรวจสอบเส้นทางการเงินที่ถูกโอนไปในหลายประเทศ โดยวิธีการหลอกลวงนั้นจะใช้สื่อโซเชียลมีเดียหลอกลวงให้เหยื่อลงเชื่อว่าลงทุนกับบริษัทแล้วจะได้ผลตอบแทนสูงมากกว่าการลงทุนในรูปแบบอื่น
ขณะที่นายประมาณ เลืองวัฒนะวนิช ทนายความชื่อดัง และอดีตผู้ดำเนินรายการ “คนหัวหมอ” เปิดเผยกรณีมีชื่อเป็นที่ปรึกษาบริษัท ยูฟันสโตร์ จำกัด ว่า ตนไม่ได้เป็นที่ปรึกษาหรือร่วมดำเนินกิจการใดๆ กับบริษัทดังกล่าว โดยเมื่อต้นปี 2557 ได้รับเชิญจากบริษัท ยูฟันฯ ให้รับตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาจริง แต่เมื่อเดินทางไปพบผู้บริหารและศึกษาแผนธุรกิจของบริษัทดังกล่าวแล้วเห็นว่าไม่ปกติจึงได้ปฏิเสธไป ต่อมามีการแอบอ้างชื่อว่าตนเป็นที่ปรึกษาดังกล่าว จึงได้บอกกล่าวด้วยวาจากับทางผู้บริหารบริษัท ยูฟันฯ ห้ามนำชื่อตนไปแอบอ้างดำเนินธุรกิจ แต่ภายหลังทราบว่าผู้ที่แนะนำสมาชิกให้ร่วมลงทุนหรืออัปไลน์ของบริษัทได้นำชื่อตนไปแอบอ้างอีก จึงได้ยื่นหนังสือบอกกล่าวทวงถามไปถึง 2 ครั้ง ให้ระงับและลบข้อมูลการอ้างชื่อตนในการทำธุรกิจ แต่ก็ยังมีคนโทรศัพท์มาสอบถามเรื่องดังกล่าว กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบและจับกุมผู้ถือหุ้นบริษัทดังกล่าวซึ่งในการตรวจค้นสถานประกอบการเจ้าหน้าที่ก็พบเอกสารที่ตนส่งไปบริษัทไม่ให้นำชื่อตนไปแอบอ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการด้านคดีแล้ว เพราะหากปล่อยไว้อาจมีผู้เสียหายเพิ่มอีกจำนวนมาก และหากตำรวจจะเชิญตนไปให้ข้อมูลก็ยินดี